น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดพุ่งขึ้นกว่า 6% หลังกลุ่มโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปี 66 จับตา “ซาอุดีอาระเบีย” ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจปรับขึ้นราคาในเดือนพ.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 6% ในวันจันทร์ (3 เม.ย.) หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันอีกกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 4.75 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 80.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 5.04 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 84.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สมาชิกกลุ่มโอเปกพลัสประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันลงอีก 1.16 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 ส่งผลให้ปริมาณการปรับลดการผลิตน้ำมันโดยรวมของโอเปกพลัสอยู่ที่ 3.66 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ซึ่งเป็นการดำเนินการที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าโอเปกพลัสจะคงนโยบายการผลิตน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้ โดยโอเปกพลัสระบุถึงการตัดสินใจครั้งล่าสุด เป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่าความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยและสต๊อกน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุสำคัญของการตัดสินใจในครั้งนี้
รายงานระบุว่า ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจจะปรับขึ้นราคาน้ำมันดิบสำหรับส่งออกไปยังตลาดเอเชียในเดือนพ.ค. หลังการตัดสินใจดังกล่าวของกลุ่มโอเปกพลัส
ขณะที่ โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยคาดว่าสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์สำหรับการส่งมอบในเดือนธ.ค. 2566 จะเพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ สู่ระดับ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล