ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ (1 มี.ค. 2566) ที่ระดับ 35.25 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 35.34 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนหนึ่งมาจากแรงขายทำกำไรของผู้เล่นบางส่วน หลังเงินบาทได้อ่อนค่าแรงในช่วงวันก่อนหน้าจนแตะระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาทเรามองว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากแรงขายทำกำไรของผู้เล่นบางส่วน หลังเงินบาทได้อ่อนค่าแรงในช่วงวันก่อนหน้าจนแตะระดับ 35.35 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ แรงขายเงินดอลลาร์ของฝั่งผู้ส่งออก รวมถึงการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ก็มีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทและหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง
ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่ปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ ทำให้ เรามองว่า เงินบาทจะยังคงไม่กลับตัวมาเป็นฝั่งแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องอย่างชัดเจนและยังคงแกว่งตัว Sideways Up โดยเฉพาะหลังเงินบาทอ่อนค่าทะลุกรอบแนวต้านที่เราประเมินไว้ ทำให้โซนแนวต้านถัดไปจะถูกขยับขึ้นมาเป็นแถว 35.50 บาทต่อดอลลาร์
อนึ่ง เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในตลาดค่าเงิน โดยเฉพาะในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI สหรัฐฯ เพราะหากดัชนี ISM PMI สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อได้ ตามภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสดใส แต่หากออกมาลดลง แย่กว่าคาด ผู้เล่นในตลาดอาจปรับลดมุมมองเชิงบวกต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงได้บ้าง ซึ่งอาจเห็นการย่อตัวของเงินดอลลาร์ พร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อของราคาทองคำได้ โดยในกรณีดังกล่าว ค่าเงินบาทก็มีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่อาจยังไม่หลุดแนวรับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์
ในช่วงนี้ จะเห็นได้ว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรามองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.15-35.40 บาท/ดอลลาร์