HomeEditor's Pick"เงินบาท" แกร่งสุด แหล่งหลบภัยสงครามการค้า

“เงินบาท” แกร่งสุด แหล่งหลบภัยสงครามการค้า

บลูมเบิร์ก รายงาน ว่า “เงินบาท” ของไทยเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการจากป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาสงครามการค้าโลก  โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นมากว่า 6% ขณะที่ค่าเงินอื่นๆ ในเอเชีย ทั้งค่าเงินวอนของเกาหลีใต้ และเงินหยวนของจีน  ต่างได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

โดยบลูมเบิร์กระบุว่า เงินบาที่แข็งค่าขึ้นมา  เพราะได้แรงหนุนจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัน  และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มากสุดเป็นประวัติศาสตร์ของไทย

ปัญหาความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ ที่ปะทุขึ้นมาถึง 3 ครั้งล่าสุด  ไม่ได้ทำให้เงินบาทของไทยได้รับผลกระทบ  แม้เงินหยวนของจีนจะอ่อนค่าจนทำให้ค่าเงินอื่นๆ ในเอเชียอ่อนค่าลงไปด้วย  แต่เงินบาทของไทยยังแข็งค่าเป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย  รายงานของบลูมเบิร์ก ระบุว่า  หากความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐเกิดปัญหาขึ้นอีก  เงินบาทของไทยก็ยังจะมีทิศทางแข็งค่าขึ้นไปอีก

- Advertisement -

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ บลูมเบิร์กระบุว่า  การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา  หลังจากลดดอกเบี้ย 0.25% เมื่อวันที่ 7 ต.ต. ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น  แม้จะแสดงความกังวลต่อทิศทางของเงินบาทที่แข็งค่า  แต่เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายของเฟด  และหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น  อาจทำให้ คณะกรรมการนโนบายการเงินยังคงดอกเบี้ยต่อไป

ก่อนหน้านี้ไทยได้ดำเนินมาตรการหลายขั้นตอนในความพยายามที่จะสกัดขาขึ้นของเงินบาท รวมถึงการลดจำนวนการออกพันธบัตรระยะสั้น เพื่อไม่ให้เงินทุนไหลเข้ามา และลดเพดานจำกัดสำหรับบัญชีธนาคารสกุลเงินบาทของชาวต่างชาติ  แต่จนถึงขณะนี้ มาตรการดังกล่าวยังส่งผลออกมามากนัก

เงินบาทสัปดาห์นี้คาดอ่อนค่าลง

ด้าน น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ผู้บริหารกลุ่มวิจัยและวิเคราะห์ตลาดการเงิน ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (30 ต.ค. – 4 พ.ย) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30.50-30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบาทพักฐานขณะที่นักลงทุนได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนอาจเห็นค่าเงินบาทในช่วงนี้อ่อนค่าได้ จากที่ก่อนหน้านี้แข็งค่าต่อเนื่องมากว่า 6%และปัจจุบันแม้ว่าทิศทางการค้าโลกเริ่มดีขึ้น แต่ต้องรอดูผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าว่าจะออกมาอย่างไร 

ส่วนภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายตั้งแต่ 2 ก.ย.-26 ก.ย.พบว่า ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 8,700 ล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตร 23,000 ล้านบาท  อย่างไรก็ตามผู้ส่งออกและนำเข้าต้องป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือการใช้สกุลเงินท้องถิ่นทำการค้าขายแทนสกุลดอลลาร์สหรัฐ เพื่อป้องกันค่าเงินที่ผันผวน และลดต้นทุนจากการใช้สกุลกลางอย่างดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันต้องติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินในภูมิภาคด้วย

ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ คาดว่าเคลื่อนไหว 30.50-30.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยในประเทศที่สำคัญ ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนส.ค. ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย. ของกระทรวงพาณิชย์ และยังมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน เป็นต้น

นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามข้อมูลเอ็มพีไอเดือนก.ย. ของจีน ยูโรโซน และญี่ปุ่น รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด สถานการณ์การเมืองภายในของสหรัฐฯ การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน และทางออกของเรื่องเบร็กซิท

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News