ค่าเช่าออฟฟิศ กรุงเทพฯ เกรด A+” ปี 62 ราคาเพิ่มขึ้น แต่ยังถูกที่สุดเป็นอันดับ 10 ของโลก และถูกที่สุดเป็นอันดับ 3 ของเอเชียแปซิฟิก
“โจนส์ แลง ลาซาล หรือ เจแอลแอล” เปิดเผยรายงาน “Premium Office Rent Tracker” ซึ่งจัดทำขึ้นปีละครั้ง โดยเปรียบเทียบต้นทุนในการเช่า (ค่าเช่ารวมภาษีและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง) สำหรับออฟฟิศในอาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมในย่านธุรกิจสำคัญๆ 86 ทำเลของ 73 เมืองใหญ่ทั่วโลก
โดยในปี 2562 ออฟฟิศในกรุงเทพฯ มีอัตราค่าเช่าเฉลี่ยสำหรับพื้นที่สำนักงานเกรดพรีเมียมอยู่ที่ 45 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 1,350 บาท) ต่อตารางฟุตต่อปี เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่แล้ว ที่มีค่าเช่าเฉลี่ย 42 ดอลลาร์ ( ประมาณ 1,260 บาท)
ซึ่งค่าเช่าที่สูงขึ้นเป็นผลจากการที่อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียมเป็นที่ต้องการสูงของบริษัทผู้เช่า ในขณะที่ซัพพลายที่มีอยู่ในปัจจุบันอยู่ในภาวะไม่เพียงพอรองรับความต้องการความต้องการของผู้เช่า
แม้ค่าเช่าของกรุงเทพฯ จะสูงขึ้น แต่ยังห่างไกลเมื่อเทียบกับย่านเซ็นทรัลของฮ่องกง ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นย่านที่มีค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเกรดพรีเมียมแพงที่สุดในโลก โดยแพงกว่าค่าเช่าของกรุงเทพฯ ถึงเกือบ 5 เท่า
นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเมืองที่มี ค่าเช่าออฟฟิศ เกรดพรีเมียมแพงอันดับที่ 14 ของโลกและแพงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรุงเทพฯ ยังมีค่าเช่าถูกกว่าราว 2.5 เท่า และหากเปรียบเทียบกับเฉพาะเมืองในเอเชียด้วยกัน กรุงเทพฯ มีค่าเช่าต่ำที่สุดเป็นอันดับที่ 3 รองจากอันดับ 1 คือ เมืองเฉินตูของจีน และอันดับ 2 คือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย
สิ่งที่ผู้เช่าคาดหวังจากอาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม
ผลการสำรวจของเจแอลแอลเกี่ยวกับคาดหวังของบริษัท/องค์กรต่างๆ พบว่า
55% คาดหวังให้ออฟฟิศเป็นสถานที่ที่เอื้อให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น 48% ต้องการให้มีส่วนในส่งเสริมให้พนักงานมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
42% คาดหวังให้เป็นสถานที่ที่น่าทำงานทั้งสำหรับพนักงานที่มีอยู่เดิมและบุคลากรใหม่ที่บริษัทต้องการให้เข้ามาร่วมงานด้วย
แม้ประสบการณ์ของพนักงานจะขึ้นอยู่กับตัวองค์กรและออฟฟิศเป็นสำคัญ แต่บริษัทผู้เช่าคาดหวังให้อาคารสำนักงานเกรดพรีเมียม ที่เป็นที่ตั้งออฟฟิศของตน มีส่วนในการทำให้พนักงานรู้สึกดีด้วยเช่นกัน
ขณะที่ความคล่องตัวนับเป็นปัจจัยที่สำคัญ ความนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับสำนักงานให้เช่าในรูปแบบโคเวิร์คกิ้งสเปซและเซอร์วิสออฟฟิศ ซึ่งเรียกรวมว่า เฟล็กสเปซ (flexspace) สะท้อนแนวโน้มนี้ได้เป็นอย่างดี โดยผลสำรวจเดียวกันของเจแอลแอล พบว่า บริษัท/องค์กรต่างๆ คาดว่า ภายในปี 2563 เฟล็กสเปซจะมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 31 ของพื้นที่สำนักงานที่มีอยู่ทั่วโลก
นอกจากนี้ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการมีความรับผิดชอบต่อสังคม ยังคงเป็นกระแสที่ทั้งองค์กรและบุคคลทั่วไปให้ความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น จึงคาดหวังให้อาคารที่ใช้เป็นสถานที่ตั้งออฟฟิศ มีส่วนในการสนับสนุนเป้าหมายด้านนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรให้มีพื้นที่สีเขียว การมีคุณสมบัติในการลดการใช้ทรัพยากร รวมไปจนถึงการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> เปิดวาร์ป 10 ปีข้างหน้า ออฟฟิศแบบไหนใช่เลยสำหรับอนาคต!
>> ออฟฟิศย่านถ.วิทยุ ค่าเช่าสูงสุด