HomeEditor's Pickบาทยังแข็ง ยืนหนึ่งในเอเชีย

บาทยังแข็ง ยืนหนึ่งในเอเชีย

เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า  หลังกนง. มีมติคงดอกเบี้ย  จากต้นปีแข็งค่าแล้ว 6% แข็งค่าสุดในเอเชีย  ด้าน กนง. ระบุยังติดตามเงินบาทอย่างใกล้ชิด

นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ กนง. เปิดเผยว่า กนง. มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดย กนง.ปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้อยู่ที่ 2.8% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 3.3% เนื่องจากการส่งออกสินค้าลดลงมากกว่าที่ประเมินไว้จากสงครามการค้าที่มีความรุนแรงและขยายวงกว้าง ทำให้การส่งออกปีนี้ ลดลง 1.0%

การส่งออกที่ลดลง ส่งผลต่อการบริโภคภายในประเทศชะลอตัวลง เพราะรายได้จากการจ้างงานปรับลดลง โดยเฉพาะภาคการผลิตเพื่อส่งออก แม้ว่าจะมีแรงสนับสนุนจากมาตรการของภาครัฐ เช่น ชิมช้อปใช้ นอกจากนี้ กนง.มีความเป็นห่วงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่เเข็งค่าที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากขึ้น จึงขอให้ติดตามสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายด้วย

บาทแข็งทันที หลังมีมติ กนง.

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า หลังจากที่ กนง.มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% เงินบาทแข็งค่าและซื้อขายแถวระดับ 30.54 ต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ต้นปี เงินบาทแข็งค่ามากกว่า 6% นับเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในเอเชีย ขณะที่คณะกรรมการ กนง. ยังคงแสดงความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาทและระบุว่าอาจพิจารณามาตรการเพิ่มเติมถ้าจำเป็น

- Advertisement -

ธนาคารกรุงศรี ระบุว่า ความเห็นของ กนง. ในวันนี้มีท่าทีไม่แตกต่างจากการประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ผลการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการยังคงกังวลในเรื่องผลกระทบจากการปล่อยให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับต่ำเป็นเวลานาน ทั้งนี้

ธนาคารกรุงศรี คาดการณ์ว่า ในการประชุมครั้งต่อไป (6 พ.ย.) กนง. ยังคงต้องการรอดูสถานการณ์ก่อน โดยมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาที่ 1.25% ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะถ้าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขาลง และคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยในไตรมาส 4/2562 น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของการปรับลดดอกเบี้ยในรอบนี้

KBANK คาดบาทไม่หลุก 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมหั่น GDP เหลือ 2.7-2.9%

ด้าน “นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย” ผู้บริหารงานวิจัยงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ระบุว่า ธนาคารกสิกรไทยคาดว่าเงินบาทเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 30.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจะไม่แข็งค่าไปมากกว่า 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่เงินบาทก็ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง โดยธนาคารมองว่าการใช้นโยบายทางการเงินในการเข้ามาช่วยทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าในปัจจุบันเริ่มมีข้อจำกัดและเริ่มใช้ไม่ได้ผล เห็นได้จากการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เงินบาทก็ปรับอ่อนค่าได้เพียงช่วงหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็กลับมาแข็งค่าเหมือนเดิม

โดยการแข็งค่าของค่าเงินบาทที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดกว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินทุนต่างชาติยังมีอยู่ในระบบมาก โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรที่มีการโยกเงินจากพันธบัตรระยะสั้นมาที่พันธบัตรระยะยาวแทน

ขณะที่ “ธนาคารกสิกรไทย” เตรียมปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 62 ลดลงมาที่ 2.7-2.9% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ราว 3.1% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยังมีความยืดเยื้อ กดดันภาคการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวอย่างมาก โดยการส่งออกไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปีติดลบไปแล้วถึง 2% ธนาคารจึงปรับลดมุมมองการส่งออกของไทยในปีนี้จะหดตัว จากเดิมที่คาดว่าจะทรงตัว หรือมีอัตราเติบโตเป็น 0%

โดยพบว่าขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของไทยลดลง เห็นได้จากส่วนแบ่งตลาดส่งออกของไทยในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงเหลือ 1.38% จากเดิม 2% ขณะที่เวียดนามมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 1.5% แซงหน้าประเทศไทย ทำให้ภาคการส่งออกไทยต้องเผชิญกับความท้าทาย ประกอบกับเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกด้วย

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News