ในช่วงสถานการณ์ค่าครองชีพสูงในปัจจุบัน เชื่อว่าหลายคนกำลังตกที่นั่งลำบาก รายได้ลด รายจ่ายมากขึ้น ทำให้การผ่อนจ่ายหนี้ในแต่ละเดือนก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก และเกิดความคิดที่หนักอก ไม่รู้จะเริ่มจัดการหนี้อย่างไร และทำอย่างไรให้หนี้ลดลง หรือผ่อนจ่ายต่อได้ไหว เพราะเชื่อว่าทุกคนอยากหาทางออก ไม่มีใครที่อยากจะถูกฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นแน่!
ทางออกสำหรับคนที่มีภาระหนี้สินเยอะจนเริ่มจัดการไม่ไหว มีแนวทางที่ได้ผลจริง ดังนี้
1.จัดการหนี้สินด้วยตัวเอง : เริ่มจากการทบทวนตัวเองว่าที่ผ่านมามีหนี้สินอะไรบ้าง และมีการจัดลำดับความสำคัญของหนี้ เพื่อป้องกันการเสียเครดิตทางการเงินของตัวเอง และต่อมาก็เริ่มไล่ลำดับในการจัดการจ่ายหนี้จากก้อนเล็ก ๆ ก่อนที่จะไปถึงหนี้ก้อนใหญ่
2.มองหารายได้เสริมอื่น ๆ เพิ่มเติม : เมื่อเริ่มจ่ายหนี้ไม่ไหว นั่นอาจจะหมายความว่ารายรับที่ได้มาเป็นประจำอาจไม่เพียงพอต่อการจ่ายหนี้ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงควรมองหารายได้อื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ขายของออนไลน์ เขียนนิยายลงพนแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น
3.พักชำระหนี้กับสถาบันทางการเงิน : หากรู้สึกว่าไม่ไหวจริง ๆ ให้ปรึกษากับสถาบันการเงิน เพราะสถาบันการเงินจะมีมาตรการผ่อนปรน และบรรเทาช่วยเหลือลูกหนี้อยู่แล้ว โดยเราสามารถเข้าไปเพื่อขอเจรจากับเจ้าหนี้ เพื่อสอบถามแนวทางการประนอมหนี้ และการพักชำระหนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ หนี้บัตรเครดิต ก็สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินที่เราทำเรื่องยื่นขอกู้สินเชื่อได้เลย
หากต้องการผ่อนปรน หรือพักชำระหนี้ต้องเตรียมอะไรบ้าง?
เอกสารสำหรับส่วนบุคคล
-บัตรประชาชน
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-สำเนาทะเบียนสมรส ใบหย่า ใบมรณะบัตร (แล้วแต่กรณี)
เอกสารรายได้ (เพื่อพิจารณาความสามารถในการประนอม หรือพักชำระหนี้)
-กรณีที่เป็นอาชีพพนักงานประจำ
-หนังสือรับรองเงินเดือนตัวจริง
-สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 3 เดือน
-บัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
-กรณีที่เป็นอาชีพอิสระ เจ้าของกิจการ
-หนังสือจดทะเบียนการค้า
-บัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน
-เอกสารที่เกี่ยวกับการประกอบของตนเอง เช่น สัญญาเช่าแผง เช่าร้าน ตัวอย่างใบสั่งสินค้า
เจรจาหนี้แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป? เมื่อพูดคุยกับสถาบันการเงิน สิ่งที่ควรทำเป็นลำดับต่อมาคือ “การวางแผนสำหรับการชำระหนี้” หลังจากที่เจราต่อรองกับสถาบันการเงิน ซึ่งส่วนนี้มักจะเป็นการวางแผนร่วมกัน โดยยึดตามหลักความเป็นจริง ซึ่งในสัญญาจะมีการระบุอย่างชัดเจนว่าจะมีการชำระหนี้ต่อเดือนเท่าไหร่ และจะสามารถยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไปได้กี่ปี หากเรายังผิดนัดชำระหนี้อีก ในครั้งต่อไปอาจมีการเสียค่าธรรมเนียมผิดนัดชำระหนี้ และมีประวัติทางการเงินที่ไม่ดีได้
สุดท้ายนี้แม้ว่าเราจะไม่สามารถหนีจากการเป็นหนี้ได้ แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออกอยู่เสมอ โดยสามารถมองหามาตรการการช่วยเหลือลูกหนี้ได้จากทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), คลินิกแก้หนี้ ที่พร้อมช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยกัน.
(ที่มา : เครดิตบูโร)