ในยุคที่มีการพูดถึงรถพลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น มีการคาดหมายว่ารถไฟฟ้าให้เช่า และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จะเป็นตัวนำร่องขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อาเซียนในช่วงแรก เหตุรถยนต์โดยสารยังเจอข้อจำกัดหลายอย่าง
บริษัทที่ปรึกษาเบนแอนด์คอมพานี ประเมินว่าการลงทุนที่อาเซียนทุ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าโดยสารจะเติบโตทุกปีจนขึ้นถึง 6,000 ล้านดอลลาร์หรือกว่าแสนล้านบาทภายในปี 2573 ทั้งยังจะมีการใช้เงินอีก 500 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างสถานีชาร์จ ซึ่งเมื่อรวมกับบริการและการบริหารด้านอื่นๆ แล้ว คาดว่าตลาด EV น่าจะเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีการเติบโตอย่างมากในช่วงทศวรรษหน้า
แม้ตลาด EV มีแนวโน้มชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีหน้า แต่น่าจะทะยานลิ่วหลังปี 2568 เมื่ออุปสรรคหรือข้อจำกัดต่างๆ เบาบางลงไป
แม้ผู้บริโภคจำนวนมากในเอเชียอาคเนย์พร้อมที่จะหันไปใช้รถพลังไฟฟ้า แต่มีปัจจัยที่ขัดขวางอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นของรถที่มีให้เลือกไม่มากนัก, ความน่าดึงดูดใจทางเศรษฐกิจในแง่ต้นทุนการเป็นเจ้าของ, ราคา, การเสนอแรงจูงใจจากภาครัฐ และความสะดวกของการชาร์จ
สภาพการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การคาดหมายว่ารถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ และรถไฟฟ้าสองล้อ จะนำร่องในส่วนของการใช้รถ EV ในอาเซียน จากนั้นจึงถึงคิวของรถยนต์โดยสาร เพราะคาดว่าบริษัทที่ให้บริการรถไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ น่าจะพัฒนาสถานีชาร์จของตัวเองขึ้นมา
แผนการของ Grab ในสิงคโปร์ ภายใต้ความร่วมมือกับฮุนไดที่จัดหารถยนต์ไฟฟ้ามาให้ ทั้งยังร่วมมือกับ SP Group ที่จัดหาสถานีชาร์จ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของรูปแบบรถไฟฟ้าให้เช่า ด้วยการเปิดให้เช่ารถไฟฟ้า 200 คันในเงื่อนไขที่ดึงดูดใจสำหรับคนขับ Grab
ทั้งนี้ Grab, Hyundai และ Kia ได้เปิดตัวโครงการนำร่องในเอเชียอาคเนย์ เริ่มต้นที่สิงคโปร์ในปีนี้ เน้นที่การใช้รถ EV เพื่อประหยัดต้นทุนสำหรับคนขับ Grab
ส่วนในมาเลเซีย บริษัทแท๊กซี่ Big Blue Taxi Facilities ก็คาดว่าจะรับมอบรถแท็กซี่ไฟฟ้า 500 คันจากจีนเร็วๆ นี้
รถไฟฟ้าสองล้อเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตา เพราะประเทศอย่างอินโดนีเซียกับเวียดนาม ส่งเสริมสกูตเกอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าอย่างมาก
บริษัท VinFast ของเวียดนาม เปิดตัวมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า “Klara” เมื่อปลายปีที่แล้ว โดยสามารถวิ่งได้ 80 กม.ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งที่ความเร็วเฉลี่ยชม.ละ 30 กม. ทางบริษัทจะผลิตออกมาปีละ 250,000 คัน และมีส่วนลดให้สำหรับรุ่นที่ใช้แบตเตอรีต่างกัน
ส่วนอินโดนีเซียก็มีแผนผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า 60,000 คันภายใต้แบรนด์ Gesits ในปีนี้
ที่กล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งในการเคลื่อนไหวของประเทศในอาเซียน ในการที่จะปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า
