ตลาดค้าปลีกในซีกโลกตะวันตก โดยเฉพาะยุโรป ถือเป็นตลาดที่อิ่มตัว และตลาดขายของชำน่าจะยิ่งอิ่มตัวกว่า เห็นได้จากจำนวนซูเปอร์มาร์เกตที่มีกว่า 60,000 แห่ง
ดังนั้น คนมาใหม่ที่จะกระโจนลงเล่นในเวทีนี้ จึงต้องพยายามหาทางเจาะตลาดเข้าไปให้ได้ ขณะที่บรรดาร้านค้าที่มีรากฐานมั่นคงแน่นหนาแล้ว ก็ต้องพยายามสร้างความต่างออกไปเพื่อให้อยู่ในสายตาของผู้บริโภค
ทางออกจึงอยู่ที่การสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ ในการให้บริการของชำที่ยังมีช่องว่างอยู่
Picnic ซูเปอร์ออนไลน์สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 เพื่ออุดช่องว่างดังกล่าว หลังจากวิเคราะห์แล้วเห็นว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการ คือตัวเลือกที่สะดวกสบาย นอกเหนือไปจากซูเปอร์มาร์เกตแบบเดิมๆ
Picnic จัดส่งของชำไปถึงบ้านลูกค้าด้วยรถตู้พลังงานไฟฟ้า สตาร์ทอัพแห่งนี้เป็นบริษัทที่ขยายตัวเร็วที่สุดในเนเธอร์แลนด์ และเป็นซูเปอร์มาร์เกตออนไลน์ที่ขยายตัวเร็วที่สุดในยุโรปเช่นกัน
ภายในเวลาเพียง 3 ปี Picnic เติบโตขึ้นมามีพนักงานกว่า 3,500 ชีวิต และลูกค้า 295,000 ราย
Daniel Gebler ร่วมก่อตั้ง Picnic ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าสั่งอาหารง่ายๆ ผ่านแอป หวังให้การซื้อของชำทางออนไลน์เป็นเรื่องสนุก ไม่แพง และรวดเร็วสำหรับทุกคน โดยลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านแอปจนถึง 22.00 น.และได้รับของชำในวันถัดไป
เมื่อปี 2560 สตาร์ทอัพแห่งนี้สามารถระดมทุนได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 100 ล้านยูโร หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท และก้าวต่อไปของบริษัทคือขยายบริการเข้าไปในเยอรมนี ซึ่งธุรกิจส่งอาหารสดทางออนไลน์ยังถือเป็นบริการที่ใหม่มากๆ
Gebler เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัทอีคอมเมิร์ซ Fredhopper หลังจากเรียนจบปริญญาเอกด้านคอมพิวเตอร์ทั้งยังเรียน MBA ด้วย
Ruben Vermijs ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Picnic เล่าถึงแนวคิดของโมเดลธุรกิจใหม่ในตลาดค้าปลีกที่อิ่มตัวว่า คนยุโรปซื้อนมและไข่จากคนที่มาส่งนมมานานหลายสิบปี ก่อนที่จะมีซูเปอร์มาร์เกตซึ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้คนได้อย่างมาก แต่ก็ยังต้องมีการเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปซูเปอร์มาร์เกต ทำให้เสียทั้งค่าเดินทางและเสียเวลา
บริษัทเล็งเห็นว่าผู้บริโภคสมัยนี้การงานรัดตัว และตระหนักรู้ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงพัฒนาโมเดลการขายของชำแบบใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาการเสียเวลาไปกับการเดินทาง และสามารถใช้เวลาไปกับเรื่องอื่นที่น่าเพลิดเพลินมากกว่า
โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เปิดโอกาสให้ Picnic จัดส่งของชำใน 75 เมืองทั้งในเนเธอร์แลนด์และเยอรมนี โดยระบบของบริษัทเน้นที่ความสะดวก ลดปริมาณของเหลือ และทำให้แน่ใจว่าของชำจะออกจากซัพพลายเออร์ไปถึงลูกค้าโดยตรง เพราะหลังจากรวบรวมออเดอร์ในเวลา 22.00 น. ทางบริษัทจะประสานกับซัพพลายเออร์ให้ส่งของมา
ล่าสุดในเดือนก.ย. บริษัทเพิ่งขยายบริการจัดส่งเนื้อสัตว์ ผัก อาหารกระป๋อง และสิ่งของในร้านขายยา ไปสู่เมือง Duisburg ของเยอรมนี โดยไม่เก็บค่า delivery แตกต่างจากผู้ค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Rewe และ Bringmeister ที่เรียกเก็บค่าเซอร์ชาร์จในบางกรณี
เหตุที่ Picnic สามารถยกเว้นค่า delivery ให้แก่ลูกค้าได้ เพราะมีเครือข่ายโลจิสติกที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังไม่มีต้นทุนร้านค้าทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ร้านค้าหรือค่าเช่าร้าน รวมถึงมีหุ้นส่วนที่ดีเป็นยักษ์ใหญ่อาหารของเยอรมนี ที่มีคลังสินค้าในพื้นที่
สตาร์ทอัพรายนี้เล็งเห็นศักยภาพว่าน่าจะมีลูกค้ามาใช้บริการประมาณ 120,000 ครัวเรือนหลังจากขยายบริการเข้าไปในเมืองใหม่
