อิตาลีเป็นประเทศแรกในซีกโลกตะวันตกที่แบน ChatGPT หรือแชทบอทปัญญาประดิษฐ์ของสตาร์ทอัพ OpenAI แห่งสหรัฐ โดยหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลอิตาลีสั่งให้ OpenAI หยุดนำข้อมูลของผู้ใช้อิตาลีไปประมวลผลชั่วคราว ในช่วงที่ตรวจสอบว่ามีการละเมิดกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของยุโรปหรือไม่
หน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของอิตาลีระบุว่า ดูเหมือนไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายรองรับการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล เพื่อฝึกอัลกอริทึม ทั้งยังแสดงความวิตกเกี่ยวกับการไม่มีข้อจำกัดด้านอายุในการใช้
อิตาลีไม่ใช่ประเทศเดียวที่มองด้วยความวิตกเกี่ยวกับการผงาดขึ้นมาอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และความเกี่ยวข้องกับสังคม เพราะประเทศอื่นก็กำลังจัดทำกฎระเบียบเกี่ยวกับเอไอ โดยเฉพาะ generative AI หรือเอไอที่สามารถสร้างสรรค์ข้อมูลใหม่ๆ โซฟี แฮกฟอร์ด ผู้ทำนายอนาคตและที่ปรึกษานวัตกรรมเทคโนโลยี ชี้ว่าต้องระมัดระวังอย่างยิ่งว่าเราไม่ได้กำลังสร้างโลกที่ในอนาคตมนุษย์จะยอมจำนนต่อเครื่องจักร เราต้องเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนนี้หากจะมีการวางกฎระเบียบใดๆ
ในส่วนของหน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบในหลายประเทศ เริ่มวิตกกันแล้วเกี่ยวกับการท้าทายจากเอไอที่มีต่อความมั่นคงในหน้าที่การงาน ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และความเท่าเทียม ทั้งยังวิตกเกี่ยวกับการนำเอไอล้ำสมัยมาใช้ในทางการเมืองผ่านการให้ข้อมูลผิดๆ ดังนั้นหลายประเทศจึงเริ่มคิดว่าจะรับมือกับ ChatGPT อย่างไรดี
อังกฤษ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อังกฤษประกาศแผนกำหนดกฎระเบียบสำหรับเอไอ โดยแทนที่จะวางกฎระเบียบใหม่ รัฐบาลได้ขอให้ผู้กำกับดูแลในภาคส่วนต่างๆ นำกฎระเบียบที่มีอยู่มากำกับดูแลเอไอ และแม้ไม่ได้ระบุชื่อ ChatGPT โดยตรง แต่ได้มีการวางหลักการสำคัญสำหรับบริษัทต่างๆ ในการใช้เอไอในผลิตภัณฑ์ รวมถึงความปลอดภัย ความโปร่งใส ความยุติธรรม และความน่าเชื่อถือ
ในจุดนี้ อังกฤษยังไม่ได้เสนอให้มีการจำกัดเอไอ แต่ต้องการให้แน่ใจว่าบริษัทต่างๆ พัฒนาและใช้เอไออย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้อย่างเพียงพอ
สหภาพยุโรป(อียู)
คาดว่าประเทศอื่นในยุโรปจะมีท่าทีต่อเอไอที่เข้มงวดมากกว่าอังกฤษ โดยได้มีการเสนอร่างกฏหมายเอไอที่จะจำกัดการใช้เอไอในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา การบังคับใช้กฎหมาย และระบบยุติธรรม ร่างกฏหมายนี้จะสอดประสานกับกฎระเบียบคุ้มครองข้อมูลทั่วไปของอียู ซึ่งกำกับดูแลวิธีการที่บริษัทต่างๆ ประมวลผลและเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
สหรัฐ
สหรัฐไม่ได้เสนอกฎระเบียบอย่างเป็นทางการให้มีการควบคุมเทคโนโลยีเอไอ โดยสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐ ได้วางกรอบที่ให้บริษัทต่างๆ ใช้หรือออกแบบคำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงและอันตรายที่อาจมีขึ้นจากระบบเอไอ แต่เป็นแบบสมัครใจ หมายความว่าบริษัทต่างๆ จะไม่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์ใดๆ หากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้
นับถึงขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงการเคลื่อนไหวใดๆ เพื่อจำกัด ChatGPT ในสหรัฐ ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วคณะกรรมการการค้าเป็นธรรมของสหรัฐได้รับคำร้องจากกลุ่มวิจัยแห่งหนึ่งที่กล่าวหา GPT-4 ว่ามีอคติ หลอกลวง และเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยทั้งในระดับส่วนตัวและสาธารณะ
จีน
ChatGPT ไม่มีในจีนหรือประเทศที่มีการเซนเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างหนัก เช่นเกาหลีเหนือ อิหร่าน และรัสเซีย โดยแม้ไม่ได้ถูกปิดกั้นอย่างเป็นทางการ แต่ OpenAI ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ในจีนลงชื่อเข้าใช้
ขณะที่บริษัทไฮเทคยักษ์ใหญ่หลายแห่งในจีนพัฒนาระบบ ChatGPT ในเวอร์ชันของตัวเองขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นไป่ตู้ อาลีบาบา หรือเจดีดอทคอม ในส่วนของทางการนั้นสำนักงานบริหารด้านไซเบอร์สเปซของจีน เพิ่งเปิดเผยร่างมาตรการสำหรับ Generative AI โดยต้องการให้บริษัทต่างๆ ส่งแบบประเมินด้านความปลอดภัยให้ทางการ ก่อนที่จะเปิดตัวบริการต่อสาธารณชน
สำนักงานบริหารด้านไซเบอร์สเปซชี้ว่า จีนสนับสนุนนวัตกรรมเอไอและแอปพลิเคชัน รวมถึงส่งเสริมการใช้งานซอฟต์แวร์ เครื่องมือและทรัพยากรข้อมูลที่มีความปลอดภัย แต่คอนเทนต์ที่สร้างโดย Generative AI จะต้องสอดคล้องกับค่านิยมหลักของประเทศ โดยผู้ให้บริการจะต้องรับผิดชอบต่อความถูกต้องของข้อมูล