เมื่อเดือน ก.ค. 62 ที่ผ่านมา “ฟิทช์ เรทติ้งส์” ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยที่ BBB+ เป็น “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก” ซึ่งให้เหตุผลว่าพื้นฐานเศรษฐกิจอยู่เกณฑ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในงานสัมมนาประจำปีเรื่องความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นมุมมองของฟิทช์ฯ ต่อประเทศไทยที่ชัดเจนมากขึ้น
โดยบรรดานักวิเคราะห์อันดับเครดิตประเทศและนักวิเคราะห์อันดับเครดิตธนาคารของฟิทช์ ยังได้ย้ำถึงปัจจัยเพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่น่าจะยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศในหลายประเทศ ในขณะที่ภาคการธนาคารของไทยมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก
ปัญหาการเมืองนิ่ง ทำให้การบริหารเศรษฐกิจดี
คุณเจมส์ แมคคอร์แมค กรรมการผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มจัดอันดับเครดิตประเทศของฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า การปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยที่ BBB+ เป็น “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก” เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 เป็นผลมาจากการที่ฟิทช์มีความมั่นใจมากขึ้นว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองแม้ยังคงมีอยู่ แต่ไม่น่าจะส่งผลให้เกิดความชะงักงันในการบริหารจัดการเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบันซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี
โดยประเทศไทยได้ผ่านอุปสรรคที่สำคัญทางการเมืองไปแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากพลเรือนได้สำเร็จหลังจากมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคม
นอกจากนี้ประเทศไทยยังคงสามารถรักษาฐานะหนี้สินต่างประเทศ (external finance) และฐานะการคลังสาธารณะ (public finance) ให้อยู่ในระดับที่ดีได้ต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ปัญหาใหญ่คือ ปัจจัยนอกประเทศ
คุณเจมส์ แมคคอร์แมค ระบุว่า ปัจจัยเสี่ยงหลักต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจคือ สถานการณ์การค้าโลกที่กำลังเผชิญกับความท้าทายมากขึ้น แม้ว่าความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกบรรเทาลงได้บางส่วน จากนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นและการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการลงทุนและสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะปานกลาง ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่สำคัญ ได้แก่ ความไม่แน่นอนในด้านนโยบาย โดยเฉพาะในด้านของผลกระทบต่อทิศทางการค้าโลก
รวมถึงกำหนดการการถอนตัวจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (UK’s Brexit) ที่ใกล้เข้ามา ซึ่งอาจะส่งผลให้เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ (recession) ของสหราชอาณาจักรและการชะลอตัวของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ Euro Zone ทั้งนี้ ฟิทช์เชื่อว่าการดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายโดยธนาคารกลางของประเทศต่างๆ อาจไม่สามารถชดเชยการชะลอตัวของปริมาณการค้าได้ทั้งหมด และรัฐบาลที่เป็นผู้กำหนดนโยบายอาจต้องหันไปพึ่งพานโยบายการคลังแบบขยายตัว (accommodative fiscal policy) มากขึ้น ซึ่งรวมถึงประเทศที่มีระดับหนี้สินที่อยู่ในระดับที่สูงอยู่แล้ว
แบงก์ไทยแกร่ง เผชิญความเสี่ยงจากต่างประเทศได้ดี
คุณพาสันติ์ สิงหะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินของฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีความพร้อมในด้านของการรับมือกับความผันผวนและในด้านการรองรับความเสี่ยงด้านสินเชื่อ และธนาคารไทยน่าจะสามารถเผชิญหน้ากับความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนหรือการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ในระดับที่ดี
แต่ผลประกอบการของธนาคารไทยในระยะสั้น อาจถูกจำกัดด้วยความท้าทายจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้การชะลอตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจจีนน่าจะส่งผลกระทบในระดับที่สูงกว่าต่อตลาดที่พัฒนาแล้ว (developed market) เช่น ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ในขณะเดียวกันภาคการธนาคารที่มีความเสี่ยงสูงจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ประเทศในตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ส่วนประเทศในตลาดที่กำลังพัฒนาได้แก่ ประเทศมาเลเซีย
รมว.คลัง มั่นใจรัฐบาลเดินหน้าเศรษฐกิจ ทำให้ไทยน่าสนใจยิ่งขึ้น
ด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการเปิดสัมมนาของบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ในหัวข้อ “Global Risks & Thailand’s Economic Outlook ว่า ฟิทช์ฯ ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยในระยะยาวยังมีโอกาสที่ดีจากการที่รัฐบาลเดินหน้าแผนการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประเทศไทยยังมีความน่าสนใจและได้รับความสนใจจากนักลงทุนในระดับโลก สะท้อนจากตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่พบว่านักลงทุนต่างชาติยื่นขอลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ฟิทช์ฯ ได้ปรับเครดิตของประเทศไทยขึ้นไปอยู่ในระดับที่มุมมองเป็นบวกจากเดิมอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีความผันผวนรุนแรง และหลายประเทศถูกปรับลดหรือคงอันดับเครดิตไว้เท่าเดิม ถือว่าไทยเป็นกลุ่มประเทศส่วนน้อยที่ฟิทซ์ฯ ปรับเครดิตของประเทศให้ดีขึ้น
“เหตุผลสำคัญที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับเครดิตประเทศไทยมากขึ้น เพราะมองว่าเศรษฐกิจไทยระยะยาวมีโอกาสที่ดี จากที่รัฐบาลเดินแผนการพัฒนาประเทศได้ตามยุทธศาสตร์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ประเทศไทยจึงเป็นที่สนใจของนักลงทุนระดับโลก สอดคล้องกับตัวเลขขอส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอที่เพิ่มขึ้น”
นายอุตตม กล่าว