สำนักข่าวฟ็อกซ์ นิวส์ ของสหรัฐฯ รายงานว่าหนึ่งในข่าวลือที่ทำให้เข้าใจเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ผิดมากที่สุด คือวัคซีนจะส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ ซึ่งคณะผู้เชี่ยวชาญระบุว่าไม่เป็นความจริงและมีการหักล้างซ้ำแล้วซ้ำเล่า
รายงานเท็จดังกล่าวน่าจะปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์เป็นครั้งแรก อ้างอิงข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับโปรตีนหนามของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยข้อมูลเท็จชี้ว่าโปรตีนหนามชนิดนั้นคล้ายคลึงกับโปรตีนหนามอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าซิงซิติน-1 (Syncitin-1) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตและการยึดติดของรกระหว่างตั้งครรภ์
ข่าวลือดังกล่าวอ้างว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะทำให้ร่างกายผู้หญิงต้องต่อสู้กับโปรตีนหนามและส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์
“โปรตีนหนามทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาวะเจริญพันธุ์ของสตรีที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ รวมถึงการทำเด็กหลอดแก้ว” รายงานอ้างคำพูดของแอนดรูว์ ซาติน และเจน เชฟฟีลด์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการแพทย์จอห์น ฮอปกินส์ (Johns Hopkins Medicine)
ซาติน ผู้อำนวยการแผนกสูตินรีเวช และเชฟฟีลด์ ผู้อำนวยการแผนกเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ อ้างข้อมูลการทดลองทางคลินิกของไฟเซอร์-ไบออนเทค (Pfizer-BioNTech) ซึ่งขณะทดลองมีอาสาสมัครหญิงที่กำลังตั้งครรภ์เข้าร่วม 23 คน และเพียงคนเดียวที่แท้งบุตรนั้นอยู่ในกลุ่มการทดลองด้วยยาหลอก
“ผู้หญิงที่กำลังพยายามตั้งครรภ์สามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะชะลอการตั้งครรภ์ หลังรับวัคซีนครบโดส”
การค้นพบดังกล่าวช่วยย้ำคำประกาศของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ซึ่งระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าวัคซีนใดๆ รวมถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาด้านการเจริญพันธุ์ หรือปัญหาในการพยายามตั้งครรภ์”
“ศูนย์ฯ ไม่แนะนำให้ทดสอบการตั้งครรภ์บ่อยๆ ก่อนฉีดวัคซีน” ศูนยฯ ระบุ “หากคุณกำลังพยายามตั้งครรภ์ คุณไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์หลังรับวัคซีน เช่นเดียวกับวัคซีนทุกชนิด กลุ่มนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อย่างละเอียด เพื่อหาผลข้างเคียงและจะรายงานผลทันทีเมื่อข้อมูลพร้อม”
อ้างอิง : สำนักข่าวซินหัวไทย