กระทรวงสาธารณสุขของอิตาลีออกคำสั่งที่ระบุว่า นับจากนี้อิตาลีแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของ แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) แก่ผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น
คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนระหว่างการประชุมของโรแบร์โต สเปรานซา รัฐมนตรีกระทรวงฯ และคณะผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพชั้นนำของประเทศที่ให้คำปรึกษาด้านโรคโควิด-19 แก่รัฐบาล หลังองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (EMA) เปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนของแอสตราเซเนกากับภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นได้ยาก
อิตาลีแนะนำให้ฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นแวกซ์เซเรีย (Vaxzeria) สำหรับประชาชนบางกลุ่มอายุ ไม่ใช่ห้ามฉีด โดยระบุว่า “แนะนำให้ใช้วัคซีนในผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนผู้รับวัคซีนแวกซ์เซเรียโดสแรกแล้ว สามารถรับวัคซีนตัวเดิมให้ครบโดสได้”
อ่าน : โฆษกย้ำ! รัฐไม่ผูกขาดวัคซีน อย.พร้อมออกใบอนุญาตให้เอกชนหากมีการจัดหา
คำสั่งเดียวกันนี้ยังชี้ว่าองค์การแพทยศาสตร์อิตาลี (AIFA) จะดำเนินการประเมินสัญญาณความปลอดภัยของวัคซีนร่วมกับองค์การยาแห่งสหภาพยุโรปอย่างละเอียดต่อไป เพื่อให้คำแนะนำอื่นๆ เพิ่มเติม
ด้านคณะกรรมการด้านความปลอดภัยขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรปกล่าวว่า “ภาวะลิ่มเลือดอุดตันผิดปกติที่เกี่ยวข้องเกล็ดเลือดต่ำ ควรถูกระบุเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ยากมากของวัคซีนแวกซ์เซเรีย”
คณะกรรมการฯ ได้ข้อสรุปข้างต้นหลังตรวจสอบกรณีผู้ป่วยเกิดภาวะดังกล่าว 86 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เสียชีวิต 18 ราย ที่เกิดขึ้นในยุโรปและสหราชอาณาจักร โดยส่วนใหญ่เกิดในผู้มีอายุต่ำกว่า 60 ปี โดยเฉพาะเพศหญิง ภายใน 2 สัปดาห์นับจากรับวัคซีนโดสแรก
อย่างไรก็ดี องค์การยาแห่งสหภาพยุโรปย้ำว่า “การเกิดขึ้นพร้อมกันของภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำนั้นพบได้ยากมาก และประโยชน์โดยรวมของวัคซีนในการป้องกันโรคโควิด-19 ยังคงมีมากกว่าความเสี่ยงของผลข้างเคียง”
ทั้งนี้ อิตาลีดำเนินการฉีดวัคซีนที่ได้รับอนุมัติในประเทศให้ประชาชนแล้ว 11.7 ล้านโดส ซึ่งรวมถึงวัคซีนของแอสตราเซนเนกา 3.9 ล้านโดส โดยมีผู้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว 3.6 ล้านคน เมื่อนับถึงวันที่ 8 เม.ย.
ที่มา : สำนักข่าวซินหัว