เฟดย้ำเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวรุนแรงในไตรมาส 2 อัตราว่างงานจะพุ่งสูงสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลังหากควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้
นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวเตือนว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจทำให้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1940 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มหดตัวอย่างรุนแรงในไตรมาส 2 ปีนี้
“เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวลงอย่างรุนแรง และอัตราว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตของเรา ผมคาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1940” รองประธานเฟดกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ซึ่งขณะนี้มีชาวอเมริกันจำนวนกว่า 30 ล้านคนได้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน
คำกล่าวของนายริชาร์ดช่วยตอกย้ำการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมครั้งล่าสุดไที่ระบุว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนักในไตรมาส 2 ปีนี้ ส่วนการที่เศรษฐกิจจะหดตัวลงมากเท่าใดและยาวนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้รวดเร็วเพียงใด
นายพาวเวล แถลงภายหลังการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% ขณะเดียวกันเฟดยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าว จนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้น และเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% และจะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปริมาณที่มีความจำเป็นต่อไปเพื่อสนับสนุนการทำงานของตลาด
“สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้บ่งชี้ว่า นี่ไม่ใช่การถดถอย แต่เป็นการหดตัวที่รุนแรงมาก ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 2 ปีนี้ และการที่ตลาดแรงงานของสหรัฐจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากภาวะหดตัวรุนแรงเช่นนี้ จะต้องใช้สักระยะหนึ่ง” นายแคลริดากล่าว
อย่างไรก็ดี นายแคลริดาเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาด
สหรัฐยังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุด โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ค. มีผู้ติดเชื้อ 1,199,238 ราย เสียชีวิตแล้ว 70,646 ราย และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น