ผลการศึกษาฉบับใหม่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ ระบุว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชนิด mRNA (เอ็มอาร์เอ็นเอ) จำนวน 2 ตัว ซึ่งพัฒนาโดย Pfizer-BioNTech (ไฟเซอร์-ไบออนเทค) และ Moderna (โมเดอร์นา) ที่ได้รับอนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินในสหรัฐ สามารถป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องด้วยโรคโควิด-19 ในกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปได้
อ่าน : วัคซีนโควิด-19 ‘เอ็มอาร์เอ็นเอ’ ตัวแรกของจีน ทดลองระยะ 3 พ.ค. นี้
ผลการศึกษา ระบุว่า 94% ของกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนครบสองโดส มีแนวโน้มถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคโควิด-19 น้อยกว่าคนในช่วงอายุเดียวกันที่ไม่ได้รับวัคซีน ขณะ 64% ของผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนโดสเดียว มีแนวโน้มถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าคนในช่วงอายุเดียวกันที่ไม่ได้รับวัคซีน
ทั้งนี้ ศูนย์ฯ นิยามว่า “ได้รับวัคซีนบางส่วน” หมายถึงการได้รับวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอโดสแรกครบ 2 สัปดาห์ และ “ได้รับวัคซีนครบ” หมายถึงการได้รับวัคซีนชนิด mRNA โดสที่ 2 ครบ 2 สัปดาห์
การประเมินดังกล่าวพิจารณาข้อมูลการรักษาตัวในสองเครือข่ายโรงพยาบาลของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมโรงพยาบาล 24 แห่ง ใน 14 รัฐ โดยมีผู้เข้าร่วม 417 ราย
ศูนย์ฯ ระบุว่า นี่เป็นการค้นพบอย่างเป็นรูปธรรมครั้งแรกในสหรัฐ ที่ยืนยันข้อมูลการทดลองทางคลินิกว่าวัคซีนชนิด mRNA สามารถป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 ได้
โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ฯ กล่าวว่า “การค้นพบเหล่านี้เป็นข่าวที่น่ายินดีสำหรับประชาชนอายุ 65 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนครบสองโดส”
“ผลการศึกษาดังกล่าวดูมีความหวังสำหรับชุมชนและโรงพยาบาล เมื่อความพยายามฉีดวัคซีนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยโรคโควิด-19 จะไม่มาใช้บริการระบบดูแลสุขภาพจนเกินการรองรับ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เตียง และบริการต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้โดยประชาชนที่ต้องการมันเพื่อรักษาโรคทางการแพทย์อื่น ๆ” วาเลนสกีระบุ
อนึ่ง ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเรียกร้องชาวอเมริกันอายุ 16 ปีขึ้นไป เข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อ้างอิง : สำนักข่าวซินหัวไทย