“สำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ที่กำลังมองหายานพาหนะที่มีนวัตกรรม ลดการปล่อยมลพิษ ซึ่งคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้นแน่นอน เพราะทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือกระแสอีโคเลิฟเวอร์นั่นเอง”
ทีมงาน Business today ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.กฤษดา กฤตยากีรณ ผู้ก่อตั้ง บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด ผู้ก่อตั้งธุรกิจและเจ้าของแบรนด์มูฟมี (Muvmi) เล่าว่า จากการมองเห็นปัญหาการเดินทางของคนกรุงเทพฯ ทั้งมาตรฐานความปลอดภัย อัตราค่าโดยสาร รวมถึงความต้องการยกระดับยานพาหนะที่มีการประหยัดพลังงานให้เกิดขึ้นและใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการนำเทคโนโลยีมาร่วมแก้ปัญหาการเดินทาง
ปัจจุบันมีบริการอะไรบ้าง ?
โปรดักส์ตัวแรก คือ Muvmi โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ใช้บริการขนส่งมวลชนเป็นหลัก โปรดักส์ ตัวที่สอง คือ tuktukhop เป็นบริการที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักท่องเที่ยว โปรดักส์ตัวสุดท้ายคือ ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าที่ได้ออกแบบและผลิตเองให้กับหน่วยงานที่สนใจนำไปใช้ในองค์กร
ทำไมต้อง “รถตุ๊กตุ๊ก” ?
เชื่อว่ารถตุ๊กๆ ตอบโจทย์อะไรหลายๆ อย่าง ตามไลฟ์สไตล์ของคนใช้ชีวิตในเมือง นอกจากจะมีความเป็นเอกลักษณ์แล้ว รถตุ๊กตุ๊กยังมีความคล่องตัวสูงหากเทียบกับรถทั่วไป อีกทั้งผังเมืองกรุงเทพมหานครยังแตกต่างจากผังเมืองประเทศอื่นที่มีลักษณะเป็นก้างปลา ส่งผลให้การเดินทางมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและเข้าถึงได้ยาก จึงดัดแปลงนวัตกรรมที่คนเข้าถึงได้และมีราคาถูก นี่จึงเป็นที่มาของรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้านั่นเอง

ความปลอดภัย ?
หากพูดถึงในแง่ความปลอดภัย เริ่มตั้งแต่ความปลอดภัยพื้นฐานคือ มีเข็มขัดนิรภัยทั้งคนขับและผู้โดยสารทุกจุด รวมถึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างในการออกแบบรถที่คำนึงถึงความปลอดภัยต่างๆ
กลุ่มเป้าหมายคือ ?
ลูกค้าและผู้ใช้บริการเป้าหมายของมูฟมี (Muvmi) คือกลุ่มคนที่ใช้ระบบขนส่งมวลชนเป็นหลัก และคนที่ยังไม่มีกำลังซื้อรถ รวมถึงผู้ที่เดินทางใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าบุคคลทั่วไป รวมทั้งองค์กรต่างๆสามารถใช้บริการ โดยเฉพาะการนำเที่ยวรอบเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ เยาวราช พาหุรัด ถนนข้าวสาร เป็นต้น

ผลตอบรับเป็นอย่างไร ?
นับว่าตอนนี้เป็นความอยู่ตัวของรถตุ๊กตุ๊กเอง เพราะเป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยว นอกจากนี้ เพื่อให้ทันกับโลกยุคดิจิทัล คุณมิก เล่าว่า ได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชัน “MuvMi มูฟมี” ซึ่งเป็นแอปเรียกรถแบบ “On-Demand” คือ เรียกเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ โดยระบบจะบริหารจัดการให้ผู้ที่จะเรียกรถไปในเส้นทางเดียวกันหรือบริเวณใกล้เคียงกัน
สิ่งที่มัดใจลูกค้า ?
ในส่วนของค่าบริการต่อเที่ยวเริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุด 75 บาท ใช้บริการได้สูงสุด 6 ที่นั่งต่อรถ 1 คัน โดยเสียงตอบรับส่วนใหญ่จากผู้ใช้บริการ ต่างให้ความเห็นว่า นอกจากเรื่องความคุ้มค่าด้านราคาค่าโดยสารแล้ว มูฟมี (Muvmi) ยังตอบโจทย์ด้านการใช้พลังงานทางเลือก และสอดรับกับแนวคิดสมาร์ทซิตี้ได้เป็นอย่างดี

ปัญหาและอุปสรรคที่พบในการดำเนินธุรกิจ start up ?
ปัญหาในการจดทะเบียนและลิขสิทธิ์ เพราะเป็นเจ้าแรกที่ก่อตั้ง ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นการที่จะพิสูจน์กับทางภาครัฐในแง่ของการใช้งาน จึงต้องใช้เวลาพอสมควร
จุดแข็งของธุรกิจที่ทำให้มีวันนี้
เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ทำอยู่มีความหมาย หากผู้คนใช้บริการขนส่งมวลชนที่เยอะขึ้นจะทำให้แก้ปัญหารถติดซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในกรุงเทพ จึงมองว่าเป็นธุรกิจใหม่ที่ลงทุนใช้เทคโนโลยีใหม่และบุกตลาดใหม่ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง แต่ก็คุ้มค่าในสิ่งที่ทำ