เอ็กซพีเรียนผู้ให้บริการข้อมูลชั้นนำของโลก ประกาศสนับสนุนเงินลงทุนระดับซีรีส์ B1 กับ CompareAsiaGroup ด้วยเงินลงทุน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
CompareAsiaGroup เป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านแพลตฟอร์มการให้บริการดูแลด้านการเงินรวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัย และเป็นบริษัทแม่ของเว็บไซต์เปรียบเทียบบริการทางการเงิน MoneyGuru.co.th ที่นำเสนอบริการด้านการเงินและผลิตภัณฑ์ประกันภัยในประเทศไทย
CompareAsiaGroup ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2557 ปัจจุบันมีผู้ใช้งานถึง 60 ล้านรายใน 6 ตลาด อาทิ ประเทศไทย (MoneyGuru.co.th), ฮ่องกง (MoneyHero.com.hk), สิงคโปร์ (SingSaver.com.sg), และไต้หวัน (Money101.com.tw)
การประกาศความร่วมมือดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากการลงทุนในการสร้างทรัพยากรดิจิทัลของบริษัท รวมถึงการเปิดตัวศูนย์เทคโนโลยี การวิจัย และพัฒนาของกลุ่ม CompareAsiaGroup ในสิงคโปร์เมื่อปี พ.ศ. 2561 ซึ่งทำให้บริษัทสามารถให้บริการลูกค้าแต่ละรายได้ตรงความต้องการมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถวัดผลได้
CompareAsiaGroup มีการเติบโตสูงมากในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีจำนวนพลเรือนมากกว่า 600 ล้านคน
ข้อมูลจากเคพีเอ็มจี รายงานว่าเกือบสามในสี่ของประชากร (73 เปอร์เซ็นต์) ไม่มีบัญชีธนาคาร ในขณะที่ความท้าทายในการเข้าถึงบริการทางการเงินในภาพรวมนั้นไม่ได้เป็นที่แพร่หลายในภูมิภาคนี้ ซึ่งสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
โดยมีนัยสำคัญคือ ผู้บริโภคยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัย, การลงทุน, การวางแผนเกษียณอายุและเครื่องมือทางการเงิน (เช่น บัตรเครดิต)
ในขณะที่ผู้บริโภคในประเทศไทยมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ แต่จากข้อมูลของธนาคารโลก ระบุว่าผู้บริโภคในประเทศไทยมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ใช้บริการสินเชื่อหรือบัตรเครดิต
ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการขาดความรู้ทางการเงิน ของผู้บริโภคที่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ แพลตฟอร์มการให้บริการทางการเงินแบบรายบุคคลจาก MoneyGuru.co.th ในประเทศไทย ของ CompareAsiaGroup มุ่งเน้นในการให้อำนาจแก่ผู้บริโภคในการสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น โดยให้ความรู้ความเข้าใจ และการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และประกันภัย
ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของเอ็กซพีเรียนนั้น MoneyGuru.co.th จะสามารถให้บริการออนบอร์ดแบบครบวงจรและสามารถเติมเต็มความต้องการให้ลูกค้าได้

การบริการดังกล่าว จะช่วยสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่ทันสมัย และเชื่อมต่อผู้ใช้งานของ MoneyGuru.co.th โดยระบบจะสามารถปรับเนื้อหา และส่งมอบเนื้อหาและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดของแต่ละบุคคล ในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต และตามโปรไฟล์ความเสี่ยงของแต่ละคน รวมถึงโอกาสทางธุรกิจของกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก
การลงทุนของเอ็กซพีเรียนใน CompareAsiaGroup เป็นการลงทุนล่าสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดย บริษัทคาดหวังที่จะส่งเสริมสุขภาพทางการเงินของผู้บริโภคให้ดีขึ้น การลงทุนใน CompareAsiaGroup และการลงทุนล่าสุดก่อนหน้านี้ของเอ็กซพีเรียนในแกร็บ (Grab) เป็นสิ่งแสดงคำมั่นสัญญาที่ชัดเจนต่อตลาดในการลงทุนกับกลุ่มอุตสาหกรรมฟินเทคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
มิสเตอร์เดฟ ดิมาน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตลาดเกิดใหม่ของเอ็กซพีเรียน กล่าวว่า การลงทุนและความร่วมมือกับ CompareAsiaGroup และ MoneyGuru.co.th เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการผลักดันให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจทางการเงินได้ดีขึ้นผ่านการใช้ข้อมูล การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกเป็นปัจจัยหนึ่งของนโยบายการผลักดันด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ Thailand 4.0
รูปแบบข้อมูลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2570 เศรษฐกิจดิจิทัลนั้นจะเป็นหนึ่งในสี่ของจีดีพีของประเทศ

การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยนั้นดูได้จากขนาดตลาดของอีคอมเมิร์ซ และการเพิ่มขึ้นของประชากรดิจิตอลที่ใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมงบนอินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์มือถือในแต่ละวัน ซึ่งมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลก
มิสเตอร์ประชานท์ อังการ์วัล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมเมอร์เชียล ของ CompareAsiaGroup กล่าวว่า CompareAsiaGroup ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ และเทคโนโลยีของเอ็กซพีเรียนจะช่วยให้ MoneyGuru.co.th เชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยคำแนะนำทางการเงินที่ดีที่สุด และสร้างตลาดกับผู้บริโภคชาวไทยกว่า 69 ล้านคนให้มีสุขภาพทางการเงินที่ดีขึ้น
CompareAsiaGroup นั้นได้รับเงินทุนแล้วมูลค่ามากกว่า 90 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการลงทุนจากกลุ่มนักลงทุนระดับโลก ตัวอย่างเช่น โกล์ดแมน แซคส์ อินเวสเม้นท์ พาร์ตเนอร์, จาร์ดีนส์, อาลีบาบา อองเทอเพรอเนอร์ ฟันด์ และไอเอฟซี (ธนาคารโลก) โดยการลงทุนของเอ็กซพีเรียนในระดับซีรีส์ B1 ครั้งนี้มีมูลค่าถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ