HomeBusinessStartup"สมคิด" มอง "สตาร์ทอัพ" อีกหนึ่งทางออกพัฒนาประเทศ

“สมคิด” มอง “สตาร์ทอัพ” อีกหนึ่งทางออกพัฒนาประเทศ

“สมคิด” มองไทยไม่ใข่ประเทศอุตสาหกรรมหนัก ชี้ทำอย่างไรจะเพิ่มมูลค่าให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการได้ พร้อมเชื่อ สตาร์ทอัพเยอะทำประเทศพัฒนา แข่งระดับโลกได้มากกว่าบริษัทใหญ่ไม่กี่บริษัท

ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ในงาน T.O.P. 2019 Togethemess of Posibilities ที่ True Digital Park ระบุว่า “การที่จะให้ประเทศพัฒนาไปได้และจะต่อไปได้รวมถึงทำให้ทันสมัยและสามารถแข่งขันกับโลกได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับธุรกิจเพียงไม่กี่ธุรกิจ แต่ขึ้นอยู่กับทุกๆ คนที่จะสามารถนำความคิดของตนเองมาสร้างเป็นสิ่งที่มีมูลค่าและแข็งแรงขึ้นได้

ครั้งหนึ่งที่เคยกล่าวถึงการแข่งขันบนเวทีโลก ประเทศไม่ได้แข่งขันกันที่การส่งออกแต่เป็นการแข่งขันทางด้านธุรกิจของเอกชนที่ต้องการที่จะสร้างสิ่งใหญ่ๆ ในการแข่งขันระดับโลก

ประเทศไทยมีบริษัทขนาดใหญ่อยู่ประมาณ 300 บริษัท ทุกครั้งที่เราดูตัวเลขการส่งออกเรามักดูด้วยความทุกข์ใจ เพราะว่าอุตสาหกรรมส่งออกครอบคลุมอยู่เพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้น

ซึ่งบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ล้วนเป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีส่วนต่างระหว่างกันน้อยมากๆ ดังนั้นการที่จะทำให้ประเทศไทยแข่งขันกับระดับโลกได้คือการที่จะต้องมีอุตสาหกรรมที่หลากหลายและอุตสาหกรรมเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องเป็นอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีชั้นสูงเท่านั้น แต่อาจหมายถึงอุตสาหกรรมด้านความคิดสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมความก้าวหน้าทางด้านเกษตรกรรมเป็นต้น

- Advertisement -

สิ่งที่จะมาข้างต้นเป็นหลักของรัฐบาลที่จะทำนโยบายในการพัฒนาประเทศช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาและโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกก็เป็นหนึ่งในส่วนที่ทำให้ สามารถขับเคลื่อนประเทศไทยให้สามารถไปแข่งขันในระดับโลกได้

ซึ่งปัจจุบันถ้าหากเราสามารถพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และความเข้าใจทางด้านเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ก็จะทำให้เกิดผู้ประกอบการรายใหม่ และทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ

ในอดีตที่ผ่านมาเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ แต่เมื่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเราไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้จัดการใหญ่และองค์กรขนาดใหญ่ต่อไป บุคลากรเพียงไม่กี่คนก็สามารถสร้างธุรกิจใหญ่ๆ ได้ เพราะปัจจุบันมีงบประมาณและเงินทุนสนับสนุนมากมาย ขอให้มีไอเดียและความคิดสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ที่จะทำให้เกิดเป็นธุรกิจขึ้นมาได้

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์

มีแค่ไอเดียก็ทำธุรกิจได้

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาลูกน้องของตนได้เล่าให้ฟังถึงรูปแบบธุรกิจในประเทศเยอรมันที่มีเพียงแค่แพลตฟอร์มก็สามารถที่จะทำธุรกิจทางการเงินการธนาคารได้ และในอาคาร True Digital Park แห่งนี้ก็มี Wongnai Co-Cooking Space ซึ่งในอดีตการจะสั่งอาหารหรือการจะดูว่าร้านอาหารนั้นเป็นอย่างไร ก็จะต้องไปลองเอง แต่ในปัจจุบันการนำไอเดียเหล่านี้มาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตจึงเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ในปัจจุบัน

หลายคนถามว่า สตาร์ทอัพ คืออะไร ส่วนตัวมองว่า สตาร์ทอัพ คือ วุ้น และจะต้องเป็นสารที่เข้มแข็งในอนาคต ถ้าหากได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้อง ปัจจุบันเห็นคนรุ่นใหม่มากมายที่สามารถนำแนวคิดมาสร้างเป็นสตาร์ทอัพ และเกิดเป็นธุรกิจที่เข้มแข็งและสามารถที่จะแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคได้ ซึ่งหน้าที่ของรัฐบาลคือการทำให้ทรัพย์นั้นสามารถที่จะแข่งขันในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้

ในอดีตเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว การทำธุรกิจอย่างนึงถือว่าเป็นเรื่องยากมาก แต่ในปัจจุบันรัฐบาลและทุกภาคส่วนมีเงินทุนสนับสนุนมากมายที่จะพัฒนาในการทำธุรกิจเพื่อต่อยอดธุรกิจนั้นๆ ที่มีแนวคิดและไอเดียในการส่งเสริมเทคโนโลยีใหม่ๆ และทำให้ประเทศชาติก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันถูกสร้างขึ้นจากสิ่งที่เป็นเพียงความฝันในช่วงวัยเด็กของผู้ประกอบการบางรายในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ดร.สมคิด ได้กล่าว ถึง การสร้างศูนย์รวมทางด้านนวัตกรรมของฮ่องกง ซึ่งฮ่องกงแบ่งออกเป็น 4 เสาที่สำคัญในการร่วมพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ก็คือรัฐบาล, พี่เลี้ยงจากบริษัทใหญ่, มหาวิทยาลัย และสถาบันทางการเงิน ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นหนึ่งในแนวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ส่วนตัวไม่อยากเห็นประเทศไทยล้าหลังในภูมิภาคนี้

ถ้าประเทศไทยยังคงอยู่กับสิ่งเก่าๆ ที่ไม่เปลี่ยนแปลง หรือจมอยู่กับการเมือง คนรุ่นใหม่จะไม่มีอนาคตและเทคโนโลยีใหม่ๆ และต้องยอมรับว่าประเทศไทยไม่ใช่อุตสาหกรรมหลัก แต่เป็นอุตสาหกรรมทางด้านเกษตรกรรมและการบริการ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวและการให้บริการต่างๆ ดังนั้นการที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้พัฒนาได้ก็จำเป็นที่จะต้องทำให้มีการเพิ่มมูลค่าของอุตสาหกรรมเบาเหล่านี้ในประเทศไทย

พร้อมกันนี้ ยังได้อ้างอิงถึงแนวคิดของ ดร.ซุน ยัตเซ็น ที่ระบุว่าถ้าหากโรงเรียนประชาธิปไตยแต่ไม่มีประชาชาติที่คำนึงถึงประชาชนก็จะไม่มีประเทศไหนก้าวไปต่อยอดได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าประเทศไทยก็จำเป็นต้องประกอบไปด้วย 3 เสาหลักคือประชาชาติ ความมั่นคงและความมั่งคั่ง ซึ่งประชาชาติก็จำเป็นที่จะต้องประกอบด้วยประชาธิปไตยและความมีเสรีภาพของประชาชน

“ปีนี้ผมอายุ 67 ปี แล้ว ผมพยายามบอกบุตรหลานของตนเองอยู่เสมอว่าอย่าเน้นที่เงิน แต่ให้เน้นการสร้างมูลค่าให้กับสังคม ทำอย่างไรให้ประเทศไทยของเราเดินต่อไปได้” ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวปิดท้าย

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News