ซิสเต็มสโตน (System Stone) สตาร์ตอัพด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม ก่อตั้งในปี 2016 เตรียมระดมทุนรอบ Series A พร้อมรีแบรนด์ชื่อบริษัทใหม่บุกตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าเป็น Super App สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมภายในปีหน้าและยูนิคอร์นใน 5 ปี
-Bitkub ชูธง ‘ธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ 2.0’ ตั้งเป้ายูนิคอร์นตัวแรกของไทย
สิทธิกร นวลรอด ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง ซิสเต็มสโตน กล่าวว่า System Stone เป็นระบบนิเวศดิจิทัลสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ใช้ซอฟต์แวร์ทำงานในรูปแบบ Software as a service (SaaS) และฮาร์ดแวร์เข้ามาช่วยตรวจจับความผิดปกติของเครื่องจักร System Stone เป็นซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรมเบอร์ 1 ของประเทศไทย มีลูกค้ากว่า 1,900 โรงงาน มีลูกค้าอยู่ใน 93 จังหวัด 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว เมียนมา และมาเลเซีย
ลูกค้าเป็นอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหมด ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม การทำแพ็กเกจ อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ มีทั้งอุตสาหกรรมขนาด SMEs จนถึงบริษัทใหญ่อย่าง คูโบต้า SCG และโรงงานในเครือ CPF 30 โรงงาน
System Stone ก่อตั้งโดยมีแค่ไอเดีย ได้ทุนจากทรูเมื่อเข้าโครงการ True Incube ในช่วง Idea Stage ประมาณ 1.7 ล้านบาท แบ่งเป็นเครดิต 1 ล้านบาท เป็นเงินสดประมาณ 7 แสนบาท และมีเงื่อนไขว่าต้องลาออกจากงานมาเป็นสตาร์ตอัพเต็มตัว
ก่อนเข้าไปทำงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พัฒนาแพลตฟอร์ม และได้ Angel Fund เป็นเงินส่วนตัวจากคนในสภาอุตสาหกรรมฯ ประมาณ 4.4 ล้านบาท (รอบแรก 1.1 ล้านบาท รอบที่สอง 3.3 ล้านบาท) ใช้เรื่องการพัฒนาแอปพลิเคชันและฮาร์ดแวร์ นอกจากนั้นยังเข้าร่วมโครงการ Spark ของ NIA, สวทช., ดีแทค แอคเซอเลอเรท และ Sprint ของ SCG
System Stone ระดมทุนรอบ Pre Series A เพื่อขยายตลาดในประเทศ เมื่อต้นปี 2019 จาก Expara Thailand และดีแทค แอคเซอเลอเรท เติมมาบางส่วน ประมาณ 10.7 ล้านบาท
“เรากำลังระดมทุนรอบ Series A คาดว่าจะจบในไตรมาส 2 ของปีนี้ ที่มูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังอยู่ในช่วงพูดคุยกับนักลงทุนอยู่ และจะใช้เพื่อทำการตลาดขยายสู่ต่างประเทศอีกเช่นกัน”
ผันตัวสู่สตาร์ตอัพ สร้างนวัตกรรมเพื่อโรงงาน
สิทธิกร จบด้านฟิสิกส์ประยุกต์ (Applied Physics) เชี่ยวชาญเรื่องมาตรวิทยาอุตสาหกรรม ระบบการวัดคุมของโรงงาน คือการผลิตชิ้นส่วนที่แม่นยำมากๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ หรือเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนสูง เคยเป็นที่ปรึกษาในหลายอุตสาหกรรม และได้เห็นปัญหา ว่าระบบที่โรงงานเกือบทั้ง 100% ใช้กันอยู่ค่อนข้างล้าหลัง
เคยได้รางวัลจาก UNDP (United Nations Development Programme) ในการพัฒนาระบบ IoT สำหรับผู้ประสบภัยพิบัติ ในปี 2015 เป็นอุปกรณ์ที่ติดไว้ที่บ้านเพื่อแจ้งเมื่อเกิดภัยพิบัติ ข้อมูลจะส่งไปที่ทีมกู้ภัยให้เห็นว่าผู้ประสบภัยอยู่ตรงไหนและต้องการอะไรบ้าง เพื่อให้ทีมกู้ภัยสามารถทำแผนและจัดสรรทรัพยากรเข้าไปได้
จากนั้นเข้ามาศึกษาพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน เพราะเล็งเห็นว่าคนอยู่บนแอปพลิเคชันมากกว่าบนคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเข้าไปร่วมงาน Hackathon และได้ผู้ร่วมก่อตั้งอีก 3 คน จึงเริ่มบริษัทด้วยผู้ก่อตั้ง 4 คน ในปี 2016 ปัจจุบัน System Stone มีพนักงาน 23 คน
ระบบบริหารจัดการงานซ่อมบำรุง ช่วยวิศวกรทำงานง่ายขึ้น
สิทธิกร กล่าวว่า โรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลกเจอปัญหาการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรเหมือนกันหมด ในโลกนี้ 80% ยังคงทำงานแบบเก่าอยู่ ขณะที่ตลาด Smart Factory มีสเกลในระดับโลกอยู่ที่ 2,230 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านไทยที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียนมีโรงงานถึง 1.4 แสนโรงงาน เติบโตอยู่ที่ 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่กลับไม่มีสตาร์ตอัพเข้ามาเล่นในธุรกิจมาก
บริษัทข้ามชาติอย่าง เยอรมนี ญี่ปุ่น อิสราเอล หรือสหรัฐ มีเทคโนโลยีแต่ยังใช้โปรแกรมที่ซับซ้อน ยังใช้คนเข้าไปตรวจอุปกรณ์ ลงข้อมูลผ่านการจดหรือคอมพิวเตอร์ ติดต่อผ่านวิทยุสื่อสาร ซึ่งไม่ใช่เทรนด์ของอนาคต
System Stone เป็นโมบายล์แอปพลิเคชันสำหรับงานวิศวกรรมบริหารจัดการงานซ่อมบำรุง (CMMS) เข้ามาช่วยให้วิศวกรทำงานผ่านแอปพลิเคชัน การบำรุงรักษาเครื่องจักรที่ทำงานตลอดเวลาแบบครบวงจร สามารถมอนิเตอร์ผ่านแอปพลิเคชัน ลดเวลาการเข้ามาดูแลเครื่องจักรของวิศวกร และยังบันทึกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันได้ แทนการใช้กระดาษ วิทยุสื่อสาร หรือโทร
ระบบยังสามารถตรวจสอบรายการต่างๆ ที่เข้ามาในระบบ ตรวจสอบงาน และยังให้ส่งข้อความหากันได้อีกด้วย
“ระบบของเราสามารถเจาะกลุ่มอาคารหรือกลุ่มโรงพยาบาลได้ แต่เรายังไม่โฟกัสตรงนั้น เราอยากโฟกัสที่อุตสาหกรรมการผลิตเป็นหลัก”
VIBRO อุปกรณ์วิเคราะห์คลื่นความสั่นอัจฉริยะ
System Stone พัฒนาฮาร์ดแวร์ในชื่อ VIBRO ทำหน้าที่แปะที่ตัวเครื่องจักรสำหรับตรวจสอบแบบเรียลไทม์ โดยตรวจสอบสัญญาณคลื่นความสั่น เพื่อนำมาวิเคราะห์ความผิดปกติ เมื่อชิ้นส่วนไหนผิดปกติการสั่นจะเปลี่ยนไป
VIBRO สามารถอ่านค่าการสั่นอย่างละเอียดได้ถึง 6,000 ครั้ง ใน 1 วินาที ขณะที่เซ็นเซอร์ในตลาดทั่วไปจะวัด 10 นาที 1 ครั้ง หรือชั่วโมงละ 1 ครั้ง โดยระบบจะส่งข้อมูลผ่านเน็ตเวิร์กเข้าไปเก็บเป็นฐานข้อมูล
“เราต้องการเก็บข้อมูลอย่างละเอียด เพราะต้องการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ผ่านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อคาดการณ์อุปกรณ์ที่จะพัง เพราะเครื่องจักร 1 เครื่อง มีอุปกรณ์หลายตัวที่ทำงานพร้อมกัน ทุกชิ้นเป็นสาเหตุของการพังได้หมด VIBRO สามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดมาก โดยแยกการสั่นออกมาเป็นหลายย่านความถี่ ทั้งเสียงแหลม เสียงทุ้ม และในแต่ละความเร็วรอบจะให้ความถี่ที่แตกต่างกัน”
ปัจจุบัน VIBRO นำร่องอยู่ 5 โรงงาน โดยมีเป้าขยายไปถึง 50 โรงงาน ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 และคาดว่าจะเปิดใช้ระบบ AI ที่มีความแม่นยำได้ในปี 2021
ตั้งเป้าเป็น Super App สำหรับวิศวกรโรงงาน
System Stone วางแผนพัฒนาแอปพลิเคชันให้สามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งการจ้างพนักงานแบบชั่วคราว หาชิ้นส่วน บริการด้านการเงิน หรือไมโครเซอร์วิส พร้อมตั้งเป้าเป็น Super App ในปี 2021 โดยคาดการณ์ไว้ที่ 1 หมื่นโรงงาน มีวิศวกรใช้งานแอปพลิเคชัน 4 แสนคน ใน 18 ประเทศทุกภูมิภาคทั่วโลก
“เราออกแบบแอปพลิเคชันให้หน้าแรกเป็นการใช้งานโซเชียล ต่อไปจะเป็นคอมมูนิตี้ของกลุ่มวิศวกรโดยเฉพาะ”
จับมือกับพาร์ตเนอร์อย่าง Bosch โดยเชื่อมต่อระบบแจ้งซ่อมบำรุงเข้ากับแอปพลิเคชัน System Stone และ Shell เป็น Exclusive Partner ที่เข้ามาเชื่อมระบบบริการน้ำมันเครื่องจักร สามารถเรียกใช้บริการของ Shell ผ่านแอปพลิเคชัน System Stone ได้
นอกจากนี้ System Stone ยังศึกษาโมเดล Virtual Warehouse ที่คอยเก็บชิ้นส่วนสำรองให้กับนิคมอุตสาหกรรมและจัดส่งให้เมื่อมีปัญหา โดยที่โรงงานไม่ต้องทำสต๊อกชิ้นส่วนเครื่องจักรเอง
สร้างรายได้ผ่าน 3 ช่องทาง ขึ้น “ยูนิคอร์น” ใน 5 ปี
สิทธิกร กล่าวว่า System Stone เป็นเหมือนระบบ CRM ขณะที่รูปแบบเก่าเน้นจับตลาดโรงงานใหญ่และปิดยอดขายในระดับ 10-20 ล้าน แต่หลังจากนี้เทรนด์จะเปลี่ยนเป็นลักษณะของการหว่าน เน้นลูกค้าเจ้าเล็ก และลูกค้าสามารถบริหารเองและจ่ายเงินเองได้ผ่านคลาวด์
System Stone ทำธุรกิจแบบ Hook Model คือให้ลูกค้าใช้แอปพลิเคชันฟรี แต่จำกัดจำนวนผู้ใช้ มีวิศวกรได้ไม่เกิน 3 คน และจำกัดจำนวนเครื่องจักร เมื่อต้องการขยายทีมก็ต้องจ่ายค่าบริการ เริ่มต้นที่วิศวกร 5 คน ราคา 35 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/เดือน ส่วน VIBRO เป็นระบบสมัครสมาชิกที่ราคา 150 ดอลลาร์สหรัฐ/เครื่อง/เดือน
“เราตั้งเป้าจะกินตลาดในประเทศไทย 10% จาก 1.4 แสนโรงงาน”
ปัจจุบันรายได้หลักของ System Stone มาจากระบบสมัครสมาชิก SaaS และ IoT อย่าง VIBRO ซึ่งในปีนี้ System Stone จะเน้นทำตลาดผลิตภัณฑ์ IoT มากขึ้น
“เราก็มีแผนจะเป็นยูนิคอร์น ซึ่งเราศึกษาธุรกิจมานานมาก และนักลงทุนต่างสนใจลงทุนกับธุรกิจที่เป็น SaaS ที่มีกำไร ถ้าเรามียอดการสมัครสมาชิกต่อปีที่เป็นรายได้หลักแตะ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี ก็จะเป็นยูนิคอร์นได้ใน 5 ปี”
3 Keywords สู่ความสำเร็จของสตาร์ตอัพ
สิทธิกร เชื่อว่า วัฒนธรรมในการทำงานของสตาร์ตอัพให้โฟกัสไปที่ 3 เรื่องได้ จะประสบความสำเร็จ
เรื่องแรก คือ “ลีนแบบจริงจัง” หมายความว่า คิดอะไรก็ต้องลีน ทำงานให้อยู่ในขอบเขตที่จะเดินไป และอย่าเชื่อใครแม้แต่ตัวเอง
เรื่องที่ 2 คือ “80-20” อย่าทำอะไรให้สมบูรณ์แบบ เพราะใช้เวลานานเกินไป พยายามพัฒนาฟีเจอร์ที่ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้ ทำแค่ 20% ที่คน 80% ใช้
สุดท้าย คือ “Time to Market” ไม่มีลูกค้าที่ไหนใจดียอมจ่ายเงินง่ายๆ จะทำอย่างไรให้ลูกค้าจ่ายเงินให้เรา ถ้าเขายอมจ่ายหมายความว่าเป็น Check Point ของเราแล้ว
“สตาร์ตอัพสายฮาร์ดแวร์ส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวเพราะไม่จริงจังกับ Time to Market พัฒนาผลิตภัณฑ์นานไป ทำให้เงินหมดก่อน ต้องขาย ถึงแม้จะรู้ว่ามันยังไม่สมบูรณ์แบบ โดยใช้โปรโมชั่นเข้ามาสนับสนุนลูกค้า เช่น แก้ไขให้ฟรี หรือเปลี่ยนให้ฟรี ทำงานต้องใกล้ชิดกับลูกค้า มีปัญหาต้องช่วยเหลือได้ทันที ต้องบอกลูกค้าว่าเป็น Product Pilot แต่สิ่งที่ลูกค้าจะได้คือราคาถูกมากและบริการพิเศษ”
