RISE ขยายกิจการสู่ภูมิภาค ทุ่มงบพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี เพื่อให้บริการนวัตกรรมองค์กรกับทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ทั่วเอเชีย ชูจุดแข็งเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ขับเคลื่อนนวัตกรรมองค์กรได้จริง ท่ามกลางดิจิทัลดิสรัปชันและความไม่แน่นอนทั่วโลก
RISE สถาบันเร่งสปิดนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาคมีพันธกิจหลัก คือการเพิ่ม 1% ผลิตภัณฑ์มวลรวม (Gross Domestic Product) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำงานร่วมกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อเร่งสปิดนวัตกรรม ผ่านโปรแกรมที่ได้รับการยอมรับจากกว่า 400 องค์กรทั่วเอเชีย
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างศูนย์เร่งสปิดนวัตกรรมให้องค์กร (Corporate Accelerator), มหาวิทยาลัยผู้ประกอบการในองค์กร (Intrapreneur University), บริการสร้างรุรกิจใหม่ (Venture Building Services) และ งานสัมมนานวัตกรรมองค์กรที่เน้นการลงมือทำจริงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย (Corporate Innovation Summit : CIS – Asia’s Largest Experiential Conference)
-RISE Corporate Innovation University มุ่งปั้นนวัตกรให้องค์กรไทยและ SEA
ล่าสุด RISE ได้ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนกว่า 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 260 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการระดมทุนจากภายนอกเป็นครั้งแรกและเป็นรอบ Seed ที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนักลงทุนสถาบันและบริษัทพันธมิตร กลุ่มบริษัท ศรีกรุงวัฒนา บริษัท ดีทูซี จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด
“เป้าหมายของ RISE คือการเปลี่ยนแปลงการสร้างนวัตกรรมในองค์กรแบบครบวงจร ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่การฝึกอบรม การวิจัย และพัฒนานวัตกรรมในองค์กร และ การให้คำปรึกษาด้านนวัตกรรมองค์กร ซึ่งภูมิภาคเอเชียมีขนาดตลาดประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท เราจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาขยายธุรกิจและบริการที่ได้รับการตอบรับที่ดีในไทย ไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย” หมอคิด นายแพทย์ ศุภชัย ปาจริยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง RISE กล่าว
จากจุดเริ่มต้นในปี 2559 RISE ได้เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาด B2B ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำของไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วเอเชีย อาทิ กลุ่มบริษัท ปตท. บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด กลุ่มเซ็นทรัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา การไฟฟ้นครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และ วีซ่า อินเตอร์เนชันแนล ฯลฯ ที่ RISE ได้เข้าไปมีบทบาทในการขับเคลื่อนนวัตกรรมองค์กรให้เกิดขึ้นจริง
“ในช่วงปีที่ผ่านมา นับว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ ศรีกรุงวัฒนา เรามีบริษัทในเครือกว่า 60 บริษัท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจดิจิทัล อาหาร อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง และการลงทุนอื่น ๆ การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นมีความสำคัญกับกลุ่มบริษัทของเรา เป็นอย่างมาก เรามองว่า RISE สามารถเข้ามามีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนนวัตกรรมองค์กรของเราให้รวดเร็วและแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยการหา S-curve เพิ่มศักยภาพในการต่อยอดธุรกิจ ผ่านเครือข่ายนวัตกรรมทั่วโลก และประสบการณ์ที่ RISE ได้มีส่วนช่วยผลักดันทรานส์ฟอร์เมชั่นในบริษัทชั้นนำมากมายทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นางวันทนา ทองไทย ประธานคณะกรรมการกลุ่มบริษัท ศรีกรุงวัฒนา กล่าว
นอกเหนือจากบริษัทไทยแล้ว บริษัท ดีทูซี อิงค์ บริษัทดิจิทัลเอเจนซี่ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่เกิดจากการผนึกกำลังกันระหว่างบริษัท เอ็นทีที โดโคโม อิงค์ บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น กับ เอเจนซี่โฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง เดนท์สุ อิงค์ ก็ร่วมลงทุนใน RISE เช่นกัน
“สำหรับดีทูซี อิงค์ ความเร็ว คือ กุญแจของความสำเร็จในเกมการสร้างและพัฒนานวัตกรรม เรามองว่า RISE จะสามารถดึงสตาร์ตอัพจากทั่วโลกมาทำงานร่วมกัน เพื่อเสริมให้ ดีทูซี เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เห็นผลได้จริง ภายในระยะเวลาอันสั้นผ่าน โปรแกรม Global Accelerator ของ RISE” มิส เคบุน โก หัวหน้าฝ้ายพันธมิตรธุรกิจนานาชาติ จากบริษัทดีทูซี อิงค์ กล่าว
“วันนี้ RISE ได้สร้าง Impact ให้กับประเทศไทยแล้วกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 3 หมื่นล้านบาทผ่านการสร้าง และผลักดันนวัตกรรมให้กับองค์กรชั้นนำ ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด การสร้างนวัตกรรม องค์กรให้เกิดขึ้นได้นั้น มาจากการริมลงมือทำ” หมอคิด นายแพทย์ศุภชัย กล่าวทิ้งท้าย