โดย : ภาคภูมิ วรรณแสง บรรณาธิการ Auto-Business Today
คงไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่มากเกินไปถ้าจะบอกว่า Defender เป็นรถที่ไปบุกเบิกมาแทบจะทุกพื้นที่บนโลกใบนี้ กว่า 7 ทศวรรษที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประสิทธิ์ภาพและความทนทานอันเหนือชั้น สร้างตำนานไว้อย่างยาวนานครองใจผู้ที่รักและชื่นชอบการเดินทางเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต และไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผู้คนถึงได้ยังคงรักษาหรือปรับสภาพรถยนต์ Defender รุ่นเก๋าให้มาอยู่ในคอลเลคชั่นของคนรักรถ ดีเฟนเดอร์ 75 ปี ลิมิเต็ดอิดิชั่น เป็นเวอร์ชั่นเพื่อการเฉลิมฉลองความสำเร็จครบรอบ 75 ปีของแลนด์โรเวอร์ ด้วยรถยนต์รุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นจำนวนจำกัดและมีเพียง 10 คันในประเทศไทย

ถ้านับย้อนหลังไปเมื่อปี 1948 รถยนต์ Land Rover Defender Series I เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานอัมสเตอร์ดัมมอเตอร์โชว์ด้วยสมรรถนะและความทนทานทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก สำหรับ Defender 75th Limited Edition นับเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปีของแลนด์โรเวอร์ ด้วยการออกแบบภายนอกที่พิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ ครั้งแรกกับสีภายนอก Glasmill Green สุดโดดเด่น เป็นเฉดสีที่สงวนไว้สำหรับรุ่น 75th Limited Edition โดยเฉพาะ มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วมาในสี Grasmere Green ให้ความโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ และการตกแต่งภายนอกที่บ่งบอกถึงความหรูหราบึกบึนด้วยกราฟิกเฉพาะรุ่นฉลอง 75 ปี ในราคา 7,599,000 บาท


ยังคงมาพร้อมด้วยคุณสมบัติในเรื่องของความทนทาน และภายในห้องโดยสารที่อเนกประสงค์โดดเด่นด้วยโทนสีขาวและลวดลายกราฟิกเฉลิมฉลองครบ 75 ปี เบาะนั่งหุ้มด้วย Resist Ebony บริเวณแผงคอนโซลกลางใช้วัสดุ Robustec มีความแข็งแรงทนทานตามสไตล์ของรถยนต์สายลุย พื้นฐานตัวรถพัฒนามาจาก Defender 110 รุ่น HSE เพรียบพร้อมด้วบอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยครบครัน เช่น กล้อง 3D แบบรอบทิศทาง ระบบขับขี่ตามสภาพพื้นผิวถนนที่ผู้ขับขี่สามารถปรับเลือกเองได้และแบบอัตโนมัติ ระบบเสียง Meridian พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ Pivi Pro ขนาด 11.4 นิ้ว จอแสดงผล Head-Up Display และที่ชาร์จอุปกรณ์แบบไร้สาย ยังมีฟีเจอร์หลังคาผ้าพับได้หรือหลังคาพาโนรามิกแบบเลื่อนได้ พร้อมความสะดวกสบายแบบเหนือชั้น ด้วยเบาะนั่งไฟฟ้า 14 ทิศทางสำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ระบบปรับอากาศแบบแยกสามโซนให้ความเย็นสบายทั่วถึงทุกตำแหน่งที่นั่ง

รูปแบบของขุมพลังเป็นแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตรที่ให้กำลังสูงถึง 300 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 105 กิโลวัตต์ มีกำลังรวมถึง 404 แรงม้า ใช้แบตเตอรี่ความจุ 19.2 kWh สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 5.6 วินาที อรุกรมของ Defender ได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้วมากกว่า 50 รางวัล รวมถึง 2020 Car of the Year ของ Top Gear, 2021 SUV of the Year ของ MotorTrend และ Best SUV 2020 ของ Autocar เช่นเดียวกับ ได้รับการจัดอันดับความปลอดภัยให้อยู่ในระดับ 5 ดาวของ Euro NCAP