เป็นมวยรองมานานครั้งนี้ถือว่าฮึดสู้สุดตัวด้วยออฟชั่นมาแบบสุดคุ้มจัดเต็ม แม้ว่าราคาจะขยับจากรุ่นเดิมตั้งแต่ 24,000 – 44,000 บาท ก็ตาม ถ้าเพียงแค่มองว่าราคาเพิ่มจากรุ่นเดิมมากก็คงไม่ถูกนัก เพราะอุปกรณ์ต่างๆ ที่เพิ่มเติมให้นั้นถือว่าเกินราคาไปเยอะเลยทีเดียว ที่ผ่านมานั้นอัลเมร่าถือว่าเป็นมวยรองบ่อนในกลุ่มนี้ แม้จะมีความโดดเด่นในเรื่องของความกว้างขวางสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร สมรรถนะเครื่องยนต์แม้ดูตัวเลขอาจจะไม่สูงนัก แต่ถือว่ามีสมรรถนะที่น่าพอใจรวมถึงความประหยัดเชื้อเพลิง จุดเด่นคือเรื่องของการบังคับควบคุมและการทรงตัวที่เหนือว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน เปิดตัวด้วย 4 รุ่นย่อยดังนี้

รุ่น E 549,000 บาท
รุ่น EL 589,000 บาท
รุ่น V 659,000 บาท
รุ่น VL 699,000 บาท

ถ้าดูเฉพาะเรื่องของราคาจะเห็นว่าแต่เดิมที่ถูกกว่าเจ้าตลาดทุกรุ่นย่อยราว 20,000 – 40,000 บาท ในรุ่นปรับโฉมใหม่ราคาทุกรุ่นย่อยขยับมาเท่าๆ กับเจ้าตลาดสองค่ายใหญ่เลยทีเดียว เมื่อไล่ดูออฟชั่นอย่างละเอียดบอกได้เลยความน่าสนใจไม่น้อย บางอย่างถือว่าติดตั้งในรถยนต์เซกเมนต์นี้เป็นครั้งแรก มาพร้อมดีไซน์โดดเด่นสะดุดตามากขึ้นแบบ Next-generation V-motion ที่สะท้อนแนวคิดใหม่ในการออกแบบรถคอมแพค ซีดาน เทคโนโลยี NissanConnect Services เพื่อการเชื่อมต่อไร้สายระหว่างผู้ขับขี่และรถผ่านสมาร์ทโฟน เสริมด้วยเทคโนโลยีใหม่จากรถหรูสู่คอมแพคซีดานยกระดับความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังคงรักษาจุดเด่นของอัลเมร่าในฐานะรถยนต์ที่วางใจได้ กว้างขวาง และให้พลังที่น่าประทับใจภายใต้คอนเซป “แรงจริง จัดให้”

NissanConnect Services ให้ความสะดวกสบายผ่านการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมหรือสั่งการรถได้จากระยะไกล รวมทั้งเป็นครั้งแรกของเซกเมนท์ที่มีการติดตั้งฟังก์ชั่น SOS เพื่อขอความช่วยเหลือจากศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ทันทีผ่านระบบเครื่องเสียงภายในรถยนต์ การควบคุมรถด้วยระบบสั่งการระยะไกลสามารถตรวจสอบระบบต่างๆ เช่น การตรวจสอบสถานะการล็อกประตู การสตาร์ทเครื่องยนต์ระยะไกล ระบบสั่งกะพริบไฟหน้า และสั่งเปิดการทำงานของแตรในระยะไกล เพื่อช่วยให้ค้นหาตำแหน่งของในลานจอดได้อย่างง่ายดาย รวมถึงฟังก์ชั่น My Car Finder สามารถค้นหาตำแหน่งตัวและนำทางไปยังรถได้ในทันที


เทคโนโลยีความปลอดภัยใหม 360° SAFETY SHIELD เพิ่มปลอดภัยทัดเทียมรุ่นพี่ๆ ในค่าย เริ่มตั้งแต่เซนเซอร์ตรวจสอบแรงดันลมยาง (Tire Pressure Monitoring System – TPMS) นับเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งเทคโนโลยีนี้ในเซกเมนท์นี้ ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA) เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) ซึ่งจะเตือนเมื่อตรวจพบวัตถุกำลังเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลังขณะกำลังถอย ทำงานร่วมกับกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitoring – IAVM) และการแจ้งเตือนวัตถุหรือความเคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) และเทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)

สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงที่เพิ่มเติมเข้ามา เริ่มจาก เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) เทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ระบบเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) การแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) จะส่งสัญญาณเตือนด้วยไฟกะพริบและการสั่นที่พวงมาลัยเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถโดยไม่ได้ตั้งใจ ถุงลมนิรภัย SRS 6 จุดเป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC) เทคโนโลยีเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System – ABS) เทคโนโลยีกระจายแรงเบรก (Electronic Brake Force Distribution – EBD) และเทคโนโลยีเสริมแรงเบรก (Brake Assist)


ภายในห้องโดยสารมาพร้อมฟีเจอร์ครบครันที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charger เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และกุญแจรีโมทอัจฉริยะดีไซน์ใหม่ทันสมัย เบาะนั่งคู่หน้าพรีเมียมวัสดุ QUOLE MODURE ไม่สะสมความร้อนแม้ในการเดินทางไกล ส่วนที่เก็บสัมภาระทางด้านหลัง ออกแบบให้สามารถบรรจุสัมภาระชิ้นใหญ่ เช่น ถุงกอล์ฟ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ได้สบาย จึงตอบสนองความต้องการของคนที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน หน้าจอสัมผัสของระบบอิโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Android Auto และ Apple CarPlay รวมทั้งยังสามารถใช้ระบบนำทางผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ นับว่าเป็นการปรับโฉมและออฟชั่นที่ทำให้เกิดการแข่งขันได้ง่ายขึ้น
