ยามาฮ่า ประกาศเดินเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2564 เปิดตัวรถใหม่ 5 รุ่น พร้อมเสริมกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ ตั้งเป้ายอดขายที่ 253,000 คัน หวังขยับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5%
นายเท็ตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2563 มียอดจดทะเบียนปิดตัวเลขอยู่ที่ 1.52 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 12% จากปัจจัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบทั่วโลก
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมายามาฮ่ามียอดขายอยู่ที่ 240,000 คัน ลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งถือได้ว่าลดลงน้อยกว่าตลอด ขณะเดียวกันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 15.8% ซึ่งเป็นการเดินหน้านโยบายด้านการขายและการทำตลาดอย่างเข้มข้น
“ยามาฮ่า พลิกเกมสู้วิกฤติโควิด-19 ด้วยการปรับการผลิตและการขายโฟกัสไปที่รุ่นยอดนิยมและการทำการตลาดแบบออนไลน์ให้กับผู้จำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มยอดขายให้ขยับขึ้นเป็นเท่าตัว รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและสร้างยอดขายได้ดีในภาวะวิกฤติ”
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 คาดการณ์ว่าภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์จะอยู่ที่ 1.53 ล้านคัน โดยยามาฮ่าได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 253,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 16.5 %
อ่าน : ยามาฮ่า ต้อนรับปี 2564 จัดโปรโมชั่นฟินน์รับประกัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ประกอบไปด้วย 4 ด้านคือ
1.) การเปิดตัวสินค้าใหม่ 5 รุ่น ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ภายใต้เทคโนโลยีล้ำสมัยและดีไซน์ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในหลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างโอกาสเติบโตในตลาดรถจักรยานยนต์ให้ได้มากยิ่งขึ้น
2.) มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าด้วยรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500 ซีซี
3.) ยกระดับและพัฒนาศูนย์บริการยามาฮ่าทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยมาตรฐานสูงขึ้น
4.) รุกการตลาดแบบออนไลน์เพื่อตอบสนองไลฟสไตล์ของผู้บริโภคที่ใช้การสื่อสารด้านออนไลน์เป็นทางเลือกหลักมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในรถจักรยานยนต์กลุ่มต่างๆ ดังนี้
กลุ่มรถออโตเมติก ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนจาก 27.6 % เป็น 28.5 %
กลุ่มรถสปอร์ต ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนจาก 26.3% เป็น 28.5%
กลุ่มรถครอบครัว ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนจาก 5.5% เป็น 6.5%
นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจในภาวะปัจจุบันได้มีอาชีพที่ได้รับความนิยมเกิดขึ้นอย่างหลากหลายโดยที่ผู้บริโภคได้นำรถคู่ใจไปใช้ในการประกอบอาชีพ เช่นอาชีพ Food Delivery Messenger รวมไปถึง Motorbike Taxi และอีกหลากลายอาชีพ ที่ต้องใช้รถจักรยานยนต์ในการประกอบอาชีพ