รายงานของวิจัยกรุงศรี ระบุ ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 473,000 ล้านบาท คิดเป็น 64% ของมูลค่าตลาดเครื่องดื่มทั้งหมด
แบ่งเป็นตลาดเบียร์ซึ่งมูลค่าสูงสุด สัดส่วนในเชิงปริมาณ 71.3% และในเชิงมูลค่า 54.3% ตามด้วยสุรา สัดส่วนในเชิงปริมาณ 26.7% และในเชิงมูลค่า 37.9%
ข้อมูลในปี 2563 จากการวิจัยตลาดโดย Euromonitor ระบุว่า ตลาดเบียร์ในไทยมีมูลค่าประมาณ 2.6 แสนล้านบาท ผู้นำตลาดคือ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ครองส่วนแบ่งตลาด 57.9% ตามมาด้วย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ครองส่วนแบ่งตลาด 34.3% และ บริษัท ไทย เอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด 4.7%
หากแบ่งเป็นรายแบรนด์ ลีโอ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 44.8% รองลงมาคือ ช้าง 31.2% สิงห์ 11.2% ไฮเนเกน 3.8% และอาชา 2.4%
ปัจจุบันอุตสาหกรรมเบียร์ในประเทศเกือบทั้งหมดถูกครอบครองโดย 2 ผู้ผลิตรายใหญ่ คือ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ที่มี สิงห์ และ ลีโอ เป็นตัวขาย และ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่มี ช้าง และ อาชา เป็นตัวชูโรง
แม้ส่วนแบ่งตลาดของทั้งสองบริษัทรวมกันจะสูงถึง 95% แต่อีก 5% ที่เหลือยังเป็นช่องว่างให้เบียร์ทางเลือกเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคือ ไฮเนเกน ซึ่งเป็นเบียร์ที่ทำออกมาเพื่อจับกลุ่มตลาดบน ที่ทั้งบุญรอดและไทยเบฟก็มีความพยายามจะส่งเบียร์ในเครือเข้าชิงชัยในตลาดพรีเมียมนี้ อาทิ มิดไวด้า คาร์ลสเบิร์ก แต่ก็ไม่สามารถชิงตลาดจากไฮเนเก้นได้ ทั้งสองค่ายจึงยังคงกุมบังเหียนห้ำหั่นกันในตลาดกลางและตลาดล่างเป็นหลัก
ด้วยความหอมหวานของตลาดเบียร์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 2 แสนล้านบาท ย่อมเป็นที่หมายปองของนักลงทุนจำนวนมากที่อยากเข้ามาลิ้มลอง แม้ความสำเร็จจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางต่อกร ยิ่งในยุคนี้ที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมาก ต้องการความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การประกาศรุกตลาดเบียร์ของกลุ่ม “คาราบาวแดง” จึงดูเหมือนจะฮือฮาอย่างมากว่าเป็นการกระโดดเข้ามาอย่างถูกที่ ถูกเวลาหรือเปล่า
บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ประกาศแผนจะผลิตเบียร์ออกสู่ตลาดในไตรมาส 4 ปี 2566 นี้ โดยจะใช้เงินทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นโรงงานในกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้บริษัท ตะวันแดง 1999 จำกัด ที่มีการผลิตสุราขาวแบรนด์ข้าวหอม วิสกี้แบรนด์ เทนโด และ โซจูแบรนด์แทยัง มาก่อนหน้านี้ โดยโรงเบียร์แห่งนี้มีกำลังการผลิตประมาณ 400 ล้านลิตร ผลิตเบียร์ประมาณ 2-3 รสชาติ เพื่อจับกลุ่มลูกค้าในทุกตลาด ซึ่งอาจจะใช้ชื่อ “เบียร์คาราบาวแดง” หรือ “เบียร์ตะวันแดง” ชื่อใดชื่อหนึ่ง โดยมีแผนจะวางจำหน่ายทั่วประเทศ
แน่นอนว่า การประกาศรุกตลาดเบียร์ของกลุ่มคาราบาวแดงครั้งนี้ ย่อมเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาดอย่าง สิงห์ และ ช้าง การโหมทำตลาด “มายเบียร์” อย่างหนักของเครือบุญรอดตอนนี้ อาจเป็นสัญญาณวางขุมกำลังจับตลาดคนรุ่นใหม่ที่คู่แข่งหมายปอง ยังไม่นับรวมผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยอีกมากมาย ที่พร้อมจะกระโจนเข้ามาถ้ากฎหมายสุรามีความเสรีมากพอ