รายงาน Women in Business (WIB) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากรายงาน International Business Report (IBR) โดยทำการสำรวจผ่านแบบสอบถามผู้บริหารระดับอาวุโสในบริษัทขนาดกลาง 5,000 แห่งจาก 30 ประเทศทั่วโลก ของ แกรนท์ ธอนตัน พบว่า บริษัทไทยมีผู้หญิงดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน หรือ CFO สูงถึง 43% ถือเป็นสัดส่วนสูงอันดับ 1 ของโลก
ขณะที่ ตำแหน่งสูงสุดของบริษัทอย่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ก็ไม่น้อยหน้า เพราะบริษัทในไทยมีผู้หญิงนั่งตำแหน่งนี้มีสูงถึง 24% มากเป็นอันดับ 3 ของโลก
รวมถึงตำแหน่งอื่นๆ อาทิ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคล 23% ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ 22% และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด หรือ CMO 19%
ทั้งนี้ ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ของเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ กลุ่มประเทศเหล่านี้มีค่าเฉลี่ยสัดส่วนจำนวนผู้บริหารหญิง 30% สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก
สื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Bloomberg เคยรายงานว่า ประเทศไทยมีผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากในโลกธุรกิจ ขณะที่ Credit Suisse สำรวจบทบาททางสังคมของผู้หญิงไทย ติดอันดับ Top 5 ของโลก
รายงานของธนาคาร เครดิต สวิส เคยสำรวจพบว่าบริษัทที่มีผู้หญิงเป็นกรรมการอย่างน้อย 1 คน ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีกว่าบริษัทที่มีกรรมการเป็นผู้ชายทั้งหมด และพบว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทที่มีผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิงอย่างน้อย 15% มีกำไรมากกว่าบริษัทที่มีผู้หญิงเป็นผู้บริหารระดับสูงไม่ถึง10% จึงมีความเป็นไปได้ว่า บริษัทจะมีกำไรเพิ่ม เมื่อมีผู้หญิงนั่งในระดับบริหารมากขึ้น
แม้กระทั่ง Jack Ma ผู้ก่อตั้ง อาลีบาบา กรุ๊ป ก็ยอมรับว่าผู้หญิงมีบทบาทสำคัญในความสำเร็จ เคล็ดลับความสำเร็จของอาลีบาบา คือ การมีผู้หญิงอยู่ในทีมด้วย โดยร้อยละ 37 อยู่ในทีมผู้บริหารระดับสูง และ ร้อยละ 49 กระจายอยู่ในกลุ่มพนักงาน “ผู้หญิงเป็นเพศที่มีความละเอียดอ่อน ใส่ใจคนรอบข้าง จึงเหมาะกับงานของอาลีบาบา ซึ่งเป็นธุรกิจบริการ” Jack Ma กล่าว
ว่ากันว่า หากผู้หญิงและผู้ชายมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน GDP โลกจะเพิ่มขึ้น 6% คิดเป็นมูลค่าถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
