นายชินจิ ฮะสึอิ ประธานบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า จากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างและส่งผลให้ยอดขายของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าหมายซึ่งคาดว่าจะยังคงมีผลต่อเนื่องไปอีกสักระยะ ส่งผลให้ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และ ไทยซูซูกิมอเตอร์ ได้มีการตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ในตลาดประเทศไทยต่อไปและเพิ่มยอดจำหน่ายและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดอีกครั้ง
“เราคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องยากถ้าหากเรายังดำเนินการทำธุรกิจแบบเดิมๆต่อไป ดังนั้นเราจึงได้ตัดสินใจในการทำสิ่งที่ท้าทายใหม่”
ทั้งนี้ บริษัทจึงได้จัดตั้งผู้แทนจำหน่ายรายใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลการจำหน่ายใน 63 จังหวัด ในประเทศไทย โดยบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บ้านซูซูกิมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด โดยถือหุ้น 70% และ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ถือหุ้น 30%
ขณะที่ บริษัทที่ถูกจัดตั้งขึ้นดังกล่าวจะไม่ดูแลการจำหน่ายใน 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด เป็นผู้ดูแลการจำหน่ายภาคใต้
สำหรับ รูปแบบการบริหารงานหลังจากนี้ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น จะเน้นการออกแบบและคัดเลือกผลิตภัณฑ์, ไทยซูซูกิมอเตอร์ จะเน้นการผลิตอะไหล่และผลิตภัณฑ์ และ ซูซูกิ โมโตเซลส์ คอร์ปอเรชั่น จะเน้นการขาย การตลาด บริหารหลังการขาย รวมถึงการนำเข้า
นาย ฮะสึอิ กล่าวว่า เชื่อว่าการปรับในครั้งนี้ จะช่วยให้ยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่หลักหมื่นคัน หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ราว 1% ของตลาดรถยนต์
สำหรับเป้าหมายภายหลังการเปลี่ยนแปลงจากนี้คาดว่าภายในปี 2564 ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 หมื่นคัน และจะเติบโตทุกปีในอัตรา 20% ทุกปี ต่อเนื่อง 3 ปีจากนี้