ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยรายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับ การเร่งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผัน และการส่งเสริมแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศจะช่วยสร้างเม็ดเงินการลงทุน ประหยัดค่าใช้จ่าย และสร้างรายได้ให้ประเทศไทยสูงถึง 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และโอกาสทางการตลาดดังกล่าวจะส่งเสริมเป้าหมายด้านสภาพแวดล้อมของประเทศและนำไปสู่แนวทางการเติบโตและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
รายงานการวิเคราะห์ภาคเอกชนของประเทศไทย (CPSD) โดย บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC)และธนาคารโลกชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยต้องส่งเสริมรูปแบบการเติบโตที่ใช้นวัตกรรมใหม่ พร้อมทั้งแก้ไขข้อจำกัดด้านการลงทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อสร้างงานที่ดีขึ้นและบรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศรายได้สูง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในช่วงโควิด-19 เทคโนโลยีดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกผันถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้ การใช้และการขยายขอบเขตการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นผู้นำตลาดที่ก้าวทันเมกะเทรนด์ระดับโลก เช่น ระบบอัตโนมัติและการลดคาร์บอนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ พร้อมทั้งช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยมุ่งสู่การเพิ่มมูลค่าของห่วงโซ่คุณค่าทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังเผยให้เห็นว่า การเร่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จะช่วยเพิ่มกระแสเงินทุนไหลเข้าประเทศไทยประมาณ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนใหม่ในเทคโนโลยีคมนาคมขนส่ง บิ๊กดาต้าและการวิเคราะห์ข้อมูล เทคโนโลยีด้านสุขภาพ สื่อดิจิทัล และด้านบันเทิง รวมทั้งการขยายตัวของภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทยที่มีศักยภาพอยู่แล้วเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เช่น อีคอมเมิร์ซ เทคโนโลยีด้านการเงิน (fintech) เป็นต้น
นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างทักษะสำหรับอนาคตไปพร้อม ๆ กับลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ก่อให้เกิดตลาด โดยต้องเตรียมพร้อมให้คนรุ่นใหม่เป็นโปรแกรมเมอร์ นักพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล และผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เส้นทางการเติบโตที่ยืดหยุ่น ยั่งยืน และครอบคลุม
ข้อมูลจากรายงานพบว่าการนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้สามารถประหยัดต้นทุนและสร้างรายได้สำหรับภาคเอกชนสูงถึง 1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมดั้งเดิม เช่น อาหารและการเกษตร การก่อสร้าง และอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ประเทศไทยอาจจะพิจารณาภาคส่วนต่าง ๆ เพิ่มเติม เช่น การทำเกษตรกรรมฟื้นฟู การแปรรูปขยะอินทรีย์เป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สร้างผลลัพธ์สูง
ด้าน เจน หยวน ซู ผู้จัดการ บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ ประจำประเทศไทยและเมียนมา กล่าวว่า เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์การเติบโตในระดับสูง ประเทศไทยยังต้องแก้ไขข้อจำกัดด้านการลงทุนและข้อจำกัดเฉพาะภาคส่วนซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเอกชน การปฏิรูปที่สำคัญจะช่วยสร้างงานคุณภาพสูง เพิ่มการมีส่วนร่วมของแรงงานสตรี พัฒนาตลาดนวัตกรรม และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รายงานยังเน้นย้ำว่าการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการปฏิรูปโครงสร้างจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนในนวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีหมุนเวียน จากการวิเคราะห์และการปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวางพบว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องเร่งปฏิรูปหลายด้าน เช่น การส่งเสริมการแข่งขันในตลาด การขจัดข้อจำกัดในการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ การเปิดการเข้าถึงนวัตกรรมการเงิน และการขยายทักษะสำหรับอนาคต