โดย สวภพ ยนต์ศรี AFPT™
Senior Wealth Manager บลจ.ทิสโก้

ในช่วงที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารในต่างประเทศทั้งการล้มของธนาคาร Silicon Valley Bank (SVB) ในสหรัฐ ฯ และปัญหาสภาพคล่องที่เกิดขึ้นกับ Credit Suisse หนึ่งในธนาคารสำคัญของยุโรป ได้สร้างความผันผวนให้เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารซึ่งไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้ง 2 ธนาคารที่มีปัญหาหรือไม่ต่างก็ได้รับผลกระทบในเชิงของ sentiment การลงทุนไปด้วย อย่างไรก็ดีจะเห็นได้ว่าหลังจากธนาคารกลางของทั้งสหรัฐ ฯ และ สวิตเซอร์แลนด์ ประกาศเข้าช่วยเหลือทั้งคุ้มครองผู้ฝากเงินของ Silicon Valley Bank (SVB) และ อัดฉีดสภาพคล่องให้กับ Credit Suisse ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง เมื่อเทียบกับช่วงแรกที่ตลาดรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น
หันมามองที่ตลาดหุ้นไทยเราเองซึ่งก็ปรับตัวลดลงไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก แต่หากเมื่อมองจากปัจจัยเฉพาะตัวของประเทศไทยเองแล้ว จะเห็นได้ว่าการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยจากปัจจัยภายนอกในครั้งนี้อาจถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจที่นักลงทุนจะพิจารณากลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยรวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทยอีกครั้ง โดยในวันนี้เราจะพามาสำรวจ 3 เหตุผลที่ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นไทยให้มีโอกาสกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาต่อจากนี้
กลุ่มธนาคารไทยไม่มีปัญหาเหมือน Silicon Valley Bank (SVB) หรือ Credit Suisse
โดยในปัจจุบันสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยยังถือว่ามีเพียงพอ ซึ่งข้อมูลจาก TISCO Research ระบุว่าอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (LDR) รวมถึงสินเชื่อระหว่างธนาคารยังอยู่ในระดับต่ำที่ 106.6% นอกจากนี้ความต้องการสินเชื่อในไทยเองยังอาจไม่ได้สูงมากนักทั้งภาคเอกชนและครัวเรือน เนื่องจากบริษัทเอกชนมีทางเลือกในการเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ ส่วนภาคครัวเรือนปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้สินที่สูงอยู่แล้ว
และสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูงนี้เอง ทำให้ธนาคารพาณิชย์ของไทยจึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มกระแสเงินสดด้วยการขายหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน เหมือนที่เกิดขึ้นกับ Silicon Valley Bank (SVB) นอกจากนี้ความเสี่ยงของการยังไม่รับรู้ผลขาดทุนจากราคาทุนตัดจำหน่ายในหลักทรัพย์ลงทุนยังมีจำกัดเนื่องจากธนาคารส่วนใหญ่มีสินทรัพย์ในส่วนนี้เพียง 0.0%-2.7% ของสินทรัพย์ทั้งหมดเท่านั้น
กำหนดการณ์การเลือกตั้งทีมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนหุ้นไทยที่รออยู่ โดยยิ่งเข้าใกล้กำหนดวันเลือกตั้งกำหนดการณ์ต่าง ๆ ยิ่งเริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะมีการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มีนาคมที่จะถึงนี้ และการประกาศกำหนดวันเลือกตั้งและประกาศกำหนดวันรับสมัครน่าจะมีขึ้นในวันที่ 31 มีนาคมนี้ โดยที่คาดว่าวันรับสมัครรับเลือกจะมีขึ้นวันที่ 3-7 เมษายน และวันที่ 7 พฤษภาคมน่าจะเป็นวันที่มีการจัดเลือกตั้ง
โดยจากสถิติย้อนหลังในอดีตของตลาดหุ้นไทยช่วงก่อน – หลังเลือกตั้งพบว่าในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 1-3 เดือน ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 2-6% และการเลือกตั้งในครั้งนี้ยังถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญในทางการเมืองการหาเสียงด้วยการชูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ และการใช้เม็ดเงินในการหาเสียงน่าจะช่วยทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยมีความคึกคักมากขึ้นหลังจากนี้
จำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้าไทย
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย เพิ่มสูงขึ้นถึง 1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจำนวนถึง 2.14 ล้านราย และในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีน 92,000 ราย เพิ่มขึ้นจาก 54,000 รายในเดือนธันวาคม ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในเดือนเมษายนนี้ยังมีเทศกาลสงกรานต์ที่ถือเป็นเทศกาลที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ซึ่งจะถือเป็นการกลับมาจัดงานครั้งแรก หลังจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผ่อนคลายลง โดยทางศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะแตะระดับ 24 ล้านคนในปีนี้
โดยเศรษฐกิจไทยที่มีการพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นสัดส่วนที่สูงถึงราว 12% ของ GDP นจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนหลังจากเปิดประเทศ และทำให้ตลาดหุ้นไทยจะกลับมีความน่าสนใจในสายตานักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปี