อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีแผนการลงทุนด้านการผลิตต่อเนื่องจากมูลค่าการลงทุนสะสมราว 5,000 ล้านบาท ด้านการผลิตรถยนต์กลุ่มรถสมรรถนะสูง (M Power) ในประเทศไทย ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพียงไม่กี่แห่งในโลกที่ผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ และ มอเตอร์ราด ครบในที่เดียว
ทั้งนี้ ด้านภาพรวมตลาดรถยนต์เมี่ยมในประเทศไทยปี 2563 อยู่ที่ 24,263 คัน ลดลง 17.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และคาดว่าในปี 2564 นี้ ภาพรวมตลาดมีแนวโน้มทิศทางที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาโดยพิจารณาจากยอดขายของบริษัทที่ลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสถานการณ์ตลาดจึงมองว่าเป็นทิศทางบวก
สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ซึ่งเป็นไฮไลท์ของปีนี้จำนวน 4 รุ่นได้แก่
1. บีเอ็มดับเบิลยู 330Li M Sport (รุ่นฐานล้อยาว) ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศไทยสำหรับรุ่นดังกล่าวที่มีการจำหน่ายขนาดฐานล้อระยะพิเศษ โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 2.89 ล้านบาท
2. บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive30d M Sport ใหม่ (รุ่นประกอบในประเทศ) ซึ่งมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 5.99 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้รถยนต์รุ่นดังกล่าวมีราคาจำหน่ายอยู่ในระดับ 8 ล้านบาท
3. มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน ใหม่ ราคาเริ่มต้น 1.99-2.52 ล้านบาท
4. บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด R 18 Classic First Edition ใหม่ รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) สไตล์ทัวริ่งครูสเซอร์ ราคาอยู่ที่ 1.25 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้มีการจัดแคมเปญพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ มินิ สามารถทดลองขับได้ 48 ชั่วโมง ก่อนการตัดสินใจ รวมถึงมหกรรมออนไลน์ MINI Always-on เมื่อจองรถยนต์ มินิ บนเว็บไซต์ www.mini.co.th ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รับของกำนัลมูลค่าราว 1 หมื่นบาท
“การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และการวางตำแหน่งราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และความหลากหลายของเครื่องยนต์ทั้ง เบนซิน, ดีเซล และกลุ่มพลังงานไฟฟ้า จะเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทในปีนี้เติบโต”