เมื่อเกิดวิกฤติคนเรามักจะมืดแปดด้าน ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนเพื่อให้ฝ่าวิกฤติไปให้ได้ เช่นเดียวกับวิกฤติโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกและแพร่ระบาดอย่างหนักในไทย มาเป็นเวลาปีกว่า ทำให้ส่งผลกระทบสภาพคล่องของภาคธุรกิจและเงินในกระเป๋าของประชาชนส่วนใหญ่ จนกลายมาเป็นวิกฤติการเงิน สู่วิกฤติเศรษฐกิจในที่สุด
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโควิด-19 ทำให้คนตกงานมาก ถ้าไม่ตกงาน ก็เงินเดือนลด ชั่วโมงการทำงานลด กระทบต่อรายได้ที่เคยมีมา ทำให้บางครัวเรือนออกอาการติดขัดเงิน ๆ ทอง ๆ ได้ ทำให้ต้องไปหยิบยืมจากเพื่อน ญาติ พี่น้อง หรือเจ้าหนี้นอกระบบ เพราะในเวลานี้จะไปกู้หนี้ยืมสินก็คงได้เงินมายากเสียหน่อย ซึ่งรายได้ลดกระทบความสามารถในการชำระหนี้คืนแน่นอน โดยเฉพาะหากใครยังมีหนี้เดิมอยู่แล้วคงจะหมดสิทธิ์ได้ใหม่!!
วิธีเอาตัวรอดในช่วงวิกฤติโควิด-19 สามารถทำได้หลากหลายแตกต่างไปเฉพาะบุคคล โดยหากคนเรารายได้ลด เนื่องจากตกงาน เงินเดือนลด ชั่วโมงการทำงานลดลง จนเงินที่ใช้จ่ายจุนเจือครอบครัวแทบจะไม่พอ หนทางที่เป็นที่แน่นอน..คงหนีไม่พ้น การหารายได้เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นหางานพิเศษอื่นๆ หรือค้าขายสินค้าออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ แถมไม่ต้องมีหน้าร้านให้มีค่าเช่าในช่วงมาตรการสกัดโควิด ทำให้ลูกค้าหน้าร้านคงน้อยลงอยู่แล้ว
การขายสินค้าออนไลน์ ถือเป็นรายได้เสริมที่น่าสนใจในยุคดิจิตอล และมีแพลตฟอร์มมากมายที่เป็นช่วงทางขายสินค้าได้สะดวก แถมมีบริการขนส่งสินค้าเพียงวันเดียวก็ได้ของ แต่จะขายอะไรนั้น..ก็ลองคิดกันดู แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล เช่น ขายเสื้อผ้า , ขนมเบเกอรี่ , ขายอาหาร , สินค้าเบ็ดเตล็ด เป็นต้น แต่ต้องเป็นสินค้าที่ไม่ผิดกฎหมาย ใคร ๆ ก็อยากสนับสนุน
พอเกิดรายได้ลดขึ้นมา..ในขณะที่รายจ่ายแต่ละเดือนไม่ได้ลดลงตาม ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่ารถ ค่ากิน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนบัตร สารพัดรายจ่ายที่มี ควรจะทำอย่างไรดี? หากในแต่ละเดือนค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอต่อรายได้ ซึ่งนอกจากจะต้องหารายได้เสริมเพิ่มเติม เช่น ขายของออนไลน์ หรือหางานพิเศษอื่น ๆ แล้ว อาจยังต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นด้วย
ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ควรลด คือ ค่าใช้จ่ายกับสินค้าฟุ่มเฟือย ลองสังเกตดูว่าในแต่ละเดือน เราใช้จ่ายกับสินค้าอะไรบ้าง และสามารถลดอะไรได้บ้าง เช่น กาแฟ ชานมไข่มุก ขนมต่าง ๆ อาหารแสนแพง สินค้าที่แค่อยากได้อยากมี แต่ไม่จำเป็นจริง ๆ ซึ่งวิธีการนี้นอกจากจะลดรายจ่ายได้แล้ว ยังลดการรูดบัตรเครดิตที่ทำให้เกิดหนี้สินได้อีกด้วย
ในช่วงโควิดระบาดตั้งแต่ต้นปี 2563 จนปัจจุบัน หลายคนต้องเดือดร้อนหนัก ยิ่งคนมีหนี้ทั้งหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตร ยิ่งหัวหมุนกับการหาเงินมาใช้หนี้ให้ทันเวลา ก่อนจะกลายเป็นหนี้เสียจนทำตัวเองลำบากมากขึ้น ฉะนั้นการลดใช้บัตรเครดิตก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง เพราะไม่ต้องเป็นหนี้กับของที่ไม่จำเป็น แต่หากคิดว่ารูดบัตรไปแล้วสามารถหาเงินมาหมุนให้ทันได้แบบไม่ต้องจ่ายเฉพาะแค่ขั้นต่ำได้ล่ะก็..จัดไปตามสบาย
หนี้สิน เป็นปัญหาใหญ่ของคนไทยมานาน เพราะคนไทยมักจะมีหนี้สูง หนี้เร็ว และมีหนี้นาน ซึ่งพอเข้าสูงอายุแล้ว เกษียณแล้วหนี้ยังไม่หมด แถมเด็กจบใหม่เพิ่งทำงานก็มีหนี้เสียแล้ว ทำให้เมื่อเกิดวิกฤติใด ๆ มักจะสะเทือนถึงกลุ่มคนมีหนี้มากทีเดียว ส่งผลให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ต่าง ๆ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของตนเองให้อยู่รอดได้ เพราะหากลูกหนี้ไม่รอด ไม่มีเงินจ่ายจนกลายเป็นหนี้เสีย เจ้าหนี้อย่างสถาบันการเงินก็คงไม่รอดเช่นเดียวกัน เพราะต้องนำเงินทุนมาอุดหนี้ส่วนนี้ อาจสะเทือนถึงฐานะการเงินของสถาบันการเงิน เสี่ยงต่อการที่ระบบการเงินไทยล่มสลายได้เลยทีเดียว
วิธีเอาตัวรอดในช่วงโควิดของคนมีหนี้ หลัก ๆ ที่ง่ายที่สุดหากจ่ายหนี้ไม่ไหว! คือ คุยกับเจ้าหนี้ให้รู้เรื่องว่าต้องการสิ่งใด และเดือดร้อนอย่างไร? โดยวิธีการที่สถาบันการเงินจะทำได้ คือ ปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดและแก้ปัญหาหนี้สินได้ยั่งยืนที่สุด
การปรับโครงสร้างหนี้ จากคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทยที่สถาบันการเงินจะช่วยเหลือได้ 8 ทางเลือก ได้แก่ 1.ยืดระยะเวลา 2.พักชำระเงินต้น 3. ลดอัตราดอกเบี้ย 4.ยกหรือผ่อนปรน 5.เพิ่มเงินทุนหมุนเวียน 6.เปลี่ยนประเภทหนี้ 7.ปิดจบจ่ายคืนหนี้เร็วขึ้น 8.รีไฟแนนซ์ปิดสินเชื่อจากที่เดิม
หากใครที่กำลังมีหนี้ และได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยืดเยื้อนานนับปี จนอ่อนแรงไม่สามารถหารายได้พิเศษ เพื่อเพิ่มรายได้ หรือลดรายจ่ายได้แล้ว ทางออกสุดท้าย ซึ่งจะเป็นวิธีเอาตัวรอดของคนมีหนี้ในช่วงโควิด-19 ได้ดีที่สุดคือ เจรจาคุยกับเจ้าหนี้เพื่อหาทางออกที่เหมาะสมร่วมกัน!!
