ทุกวันนี้ “เทคโนโลยี” ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ก้าวเข้ามามีบทบาทในการทำงานและธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้กระทั่ง “ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน” ซึ่งมีการนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยมาปรับใช้ในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น
โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ศรีราชา นับเป็นโรงกลั่นน้ำมันระดับแนวหน้าของเมืองไทยที่สะท้อนให้เห็นภาพของการนำนวัตกรรมทันสมัยในโลกเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง คุณสุชาติ โพธิ์วัฒนะเสถียร กรรมการและผู้จัดการโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ศรีราชา บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงรายละเอียดในเรื่องนี้ว่า “อันที่จริงแล้ว โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ศรีราชา ได้มีการนำเอาเทคโนโลยี DM (Digital Manufacturing) มาใช้ในการปฏิบัติงานได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยจัดให้พนักงานจากฝ่ายต่างๆ ร่วมมือกันนำเอาเทคโนโลยี DM มาใช้ภายในโรงกลั่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น”

คุณสุชาติ โพธิ์วัฒนะเสถียร กรรมการและผู้จัดการโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ศรีราชา บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
“ในด้านฝ่ายผลิต เมื่อก่อน operator เข้าไปในโรงกลั่นต้องเตรียมกระดาษไปจด พอกลับมาก็ต้องพิมพ์ลงคอมพิวเตอร์ ต้องมานั่งวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา แต่ปัจจุบัน operator ถือไอแพดเข้าไปที่หน้างานสามารถใส่ค่าเข้าไปได้เลย และรู้ว่าค่านี้อยู่ใน range ที่เหมาะสมหรือไม่ สูงหรือต่ำกว่า range ทำให้สามารถวิเคราะห์และวิทยุไปบอกคนใน control room ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือถ้าเข้าไปจดค่าแล้วพบว่ามีอุปกรณ์เสีย ก็ส่งไปหาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อออก job ในการซ่อมบำรุงได้ทันท่วงที ถ้าสงสัยอะไรก็สามารถกดดูตัวเลข trend ย้อนหลังว่าในกะที่ผ่านๆ มาว่ามีแนวโน้มไปทางใด สามารถเห็นข้อมูลได้อย่างถ้วนถี่ รวดเร็ว ทันใจ ขณะยังอยู่ที่หน้าอุปกรณ์”

“ประโยชน์ของ DM นั้นมีมากมายหลายด้าน ดังนั้นไม่ใช่แค่นำมาใช้กับฝ่ายผลิต แต่ยังรวมถึงฝ่ายสนับสนุนการผลิตและฝ่ายซ่อมบำรุงอีกด้วย นอกจากนี้ เรามีการนำโดรนเข้าไปตรวจดูในจุดที่ไม่สามารถเข้าไปได้ง่ายๆ เช่น ในจุดที่สูงๆ ซึ่งเป็นการตรวจสอบโดยยังไม่ต้องมีการซ่อมบำรุง ตัวอย่างเช่น ถังน้ำมันดิบ เมื่อก่อนต้อง shutdown แล้วเอาน้ำมันออกจากถัง ถึงจะเข้าไปวัดความหนาที่ก้นถังได้ แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถวัดความหนาของถังโดยไม่ต้องเอาน้ำมันออก จะเห็นได้ว่า DM ที่เรานำมาใช้ จะได้ทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายไปพร้อมๆ กัน”

“ในด้านบุคลากร โรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ศรีราชา กำลังก้าวเข้าสู่การเป็นโรงกลั่นแห่งอนาคต เรานำ DM มาใช้สร้างแพลตฟอร์มที่สามารถรองรับซอฟท์แวร์อีกมากมาย พนักงานของเราก็ได้พัฒนาทักษะการใช้อุปกรณ์ทำให้สามารถพัฒนาตัวเองและต่อยอดจากสิ่งเหล่านี้ได้ตลอดเวลา ทำให้สามารถ operate ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ สามารถซ่อมบำรุงได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที โรงกลั่นก็ปลอดภัย ซึ่งทำให้ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนก็น้อยลงไปด้วย”
“และเนื่องจากโรงกลั่นของเราเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน เรามีชุมชนรอบๆ โรงกลั่นประมาณ 11 ชุมชน การเข้ามาอยู่กับชุมชน อย่างแรกเลย เราต้องไม่ก่อปัญหาให้ชุมชน ต้องแน่ใจว่ากระบวนการกลั่นของเราไม่กระทบความเป็นอยู่ของพวกเขา อากาศที่เขาหายใจ น้ำที่เขาใช้ การใช้ชีวิตประจำวันของเขาต้องไม่ถูกกระทบ ขณะเดียวกันก็ต้องสนับสนุนชุมชนไปด้วย และเราแน่ใจว่าเราปฏิบัติตามกฎหมายทั้งเรื่องน้ำและอากาศอย่างเคร่งครัด”

“สิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอดคือการปฏิบัติการกลั่นให้มีความปลอดภัยสูงสุด เป็นองค์กรพลเมืองดีที่คอยสนับสนุนและใส่ใจชุมชน หมายรวมตั้งแต่ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้ผู้คนในชุมชนมีความรู้ที่จะต่อยอดให้เขาเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง เพราะในขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่การเป็นโรงกลั่นแห่งอนาคตอย่างเข้มข้น เราก็ไม่ลืมที่จะนำพาชุมชนรอบๆ โรงกลั่นของเราสู่การเป็นชุมชนต้นแบบเช่นกัน”
