ถือเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันถึงคำจำกัดความของเทคโนโลยีที่ นิสสัน นำเสนอในรถยนต์รุ่นล่าสุดอย่าง นิสสัน คิกส์ อี–พาวเวอร์ ใหม่ (Nissan Kicks E-Power) ซึ่งจะไล่เรียงไปทีละประเด็นเพื่อคลายความสงสัยดังกล่าว
ถ้าถามว่า “นิสสัน” เรียกเทคโนโลยีนี้ว่าอะไร…คำตอบคือ เทคโนโลยี อี–พาวเวอร์
ถ้าถามว่า “นิสสัน” ต้องการสื่อสารเทคโนโลยีนี้ว่าอะไร…คำตอบคือ รถยนต์ไฟฟ้า
ถ้าถามว่า “นิสสัน คิกส์” เสียภาษีอะไร…คำตอบคือ ภาษีรถยนต์ประเภทไฮบริด
ถ้าถามว่า “นิสสัน คิกส์” มีเครื่องยนต์หรือไม่…คำตอบคือ มี
ถ้าถามว่า “นิสสัน คิกส์” ต้องเติมน้ำมันหรือไม่…คำตอบคือ ต้องเติม
ถ้าถามว่า “นิสสัน คิกส์” ขับเคลื่อนด้วยอะไร…คำตอบคือ มอเตอร์ไฟฟ้า
แต่ไม่ว่าใครจะนิยามรถยนต์คันนี้ว่าอย่างไร สำหรับบิสเนสทูเดย์นั้น ให้คำจำกัดความของเทคโนโลยีนี้ว่า “เครื่องปั่นไฟที่ขับเคลื่อนได้” ก็แล้วกัน เนื่องจาก นิสสัน คิกส์ อี–พาวเวอร์ คันนี้ มีเครื่องยนต์ที่ต้องเติมน้ำมันเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า
อธิบายเพื่อความเข้าใจให้ชัดเจนเพิ่มเติมคือ เครื่องยนต์ ไม่ได้มีหน้าที่ไปขับเคลื่อนล้อ แต่เครื่องยนต์ มีหน้าที่ผลิตไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนการขับเคลื่อนที่ทำให้ล้อหมุนได้มาจากมอเตอร์ไฟฟ้า
เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
1.เครื่องยนต์เบนซิน
2.เครื่องกำเนิดไฟฟ้า
3.อินเวอร์เตอร์
4.มอตอร์ไฟฟ้า
5.แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
จุดเด่นของรถยนต์คันนี้คือ การได้สัมผัสอารมณ์ความรู้สึกของพละกำลังที่มีจากมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่อัตราเร่งในช่วงออกตัวและการตอบสนองในช่วงเร่งแซงแบบกระแทกคันเร่งได้แบบชนิดที่ว่ามาเร็วมาหนัก แต่ก็สบายใจได้เมื่อต้องขับขี่รถยนต์คันนี้ไปในทางไกล เพราะไม่ต้องเสียบปลั๊กชาร์จ
สำหรับหน้าตาการออกแบบ นิสสันยังถ่ายทอดความเป็น Design DNA ด้วยกระจังหน้าแบบ V-Motion ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนิสสันเช่นเดียวกับรถยนต์นิสสันทุกรุ่น ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ดูดีมีระดับ จากแนวเส้นหลังคาแบบลอยตัว และไฟหน้า–ไฟท้ายทรงบูมเมอแรง
ภายในห้องโดยสารมี 2 แบบให้เลือกคือสีทูโทนและสีดำซึ่งเส้นสายรายละเอียดภายในใช้ลายเส้นของปีกเครื่องร่อนบริเวณแผงหน้าปัดดูโดดเด่นสะดุดตาส่วนอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารก็ครบครันตามมาตรฐานทั้งอุปกรณ์ความสะดวกและอุปกรณ์ความบันเทิง
แต่ที่เป็นจุดสังเกตมีอยู่นิดเดียวคือ มาตรวัดความเร็วที่อยู่ตรงด้านหน้าคนขับนั้นอาจจะแลดูไม่เข้าพวกกับส่วนอื่นๆ ที่พรีเมียมล้ำสมัย แต่ถ้ามองข้ามผ่านจุดนี้ไปก็ไม่ได้สาระสำคัญหลักแต่อย่างใด
ไฮไลต์ของ “นิสสัน คิกส์” เมื่อได้ลองขับ
ที่จะไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้คือ คันเร่งแบบ วัน–เพดัล (One-Pedal) ที่จะเร่งความเร็วหรือจะหยุดรถ ก็ใช้แค่แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น คือคำว่า “หยุดรถ” ในที่นี้หมายถึง หยุดสนิทจริงๆ และเพียงแค่ถอนน้ำหนักการเหยียบคันเร่งก็จะมีอาการหน่วงชะลอ ทำให้ง่ายต่อการขับขี่ในสภาวะการจราจรติดขัดหรือการจราจรคับคั่ง
ส่วนประเด็นความรักษ์โลกนั้นอาจจะเป็นประเด็นรองเมื่อได้ลองขับรถยนต์คันนี้ ที่ให้ความสนุกสนานในการขับขี่อัตราเร่งดี แสดงให้เห็นถึงการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ที่ฉลาดมากๆ ซึ่งถ้าหากต้องการเรียกกำลังอย่างฉับพลันเครื่องยนต์จะถูกติดขึ้นเพื่อปั่นไฟฟ้าโดยทันที และจะสงบลงเมื่อกลับสู่ภาวะการขับขี่แบบปกติแบบไร้รอยต่อ โดยขึ้นอยู่กับพลังงานที่เหลือในแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน โดยมีโหมดการขับขี่มาให้เลือก 4 โหมดด้วยกัน ได้แก่ 1.Normal Mode 2.Smart Mode 3.ECO Mode 4.EV Mode
เครื่องยนต์ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าเป็นเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.2 ลิตร แถวเรียงแบบ DOHC 12 วาล์ว 3 สูบ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน–เมตร โดยมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์–ชั่วโมง จำนวน 4 โมดูล
ขณะที่ช่วงล่างของนิสสัน คิกส์ คันนี้ ถูกตั้งค่ามาไว้อย่างน่าสนใจ แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คเอสยูวี แต่เมื่อได้ลองขับขี่ในสนามที่ถูกจำลองสถานการณ์ต่างๆ ไว้นั้น ได้ฉายแสงแสดงประสิทธิภาพการเกาะถนนและการให้ตัวของช่วงล่างที่เนียนนุ่มหนึบได้ดี และอีกส่วนสำคัญคือความแม่นยำของพวงมาลัยที่คมและแม่นยำตามความคิดที่ต้องการจะควบคุมทิศทาง ให้ความคล่องตัวสูง
รวมไปถึง นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ ที่นิสสัน ใส่ความปลอดภัยและระบบต่างๆ อาทิ เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติ, เตือนก่อนการชนด้านหน้า, ช่วยเบรกฉุกเฉิน, เตือนจุดอับสายตา, เตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ, กล้องมองภาพรอบทิศทาง, ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ และเทคโนโลยีช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ เป็นต้น
สรุป
ไม่ว่า “นิยาม” ทางด้านเทคโนโลยีของรถยนต์นี้คืออะไร แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะนั้นเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างหนึ่งถึงการเชื่อมต่อก่อนการเปลี่ยนผ่านทางด้านเทคโนโลยีไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า 100% ในอนาคต สำหรับ นิสสัน คิกส์ อี–พาวเวอร์ (Nissan Kicks E-Power) ที่สนนราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 8.99 แสน-1.04 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : นิสสันย้ำไทยผลิตเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ แห่งแรกในโลกนอกญี่ปุ่น