เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2562 บริษัท Amazon ได้ทุ่มเงินทุนราว 575 ล้านดอลลาร์เพื่อแลกกับการเป็นหุ้นส่วนเพียง 16% ของบริษัท Deliveroo ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยหวังว่าธุรกิจเดลิเวอรี่อาหารของ Deliveroo จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากบริษัท Amazon เองมีธุรกิจที่อยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์การจัดส่งอาหารถึงที่บ้านจากครัวยุคใหม่ที่เรียกันว่า ครัวกลาง หรือ ครัวคลาวด์ ได้อย่างเหมาะสม
บริษัท Deliveroo ก่อตั้งเมื่อปี 2556 โดย วิล ชู และ เกร็ก ออร์โลว์สกี และได้เปิดตัวครัวกลางที่มีชื่อว่า Deliveroo Editions เพื่อทำการเดลิเวอรี่อาหารถึงบ้านลูกค้าเพียงอย่างเดียวเมื่อปี 2560 ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารอร่อยจากร้านที่ชื่นชอบโดยไม่ต้องกังวลว่าร้านและบ้านของลูกค้าตั้งอยู่ในเขตไหน เนื่องจากครัวกลางมีที่ตั้งหลายจุดและช่วยให้ร้านอาหารขยายธุรกิจไปยังจุดอื่นๆ และส่งอาหารให้กับลูกค้าได้อย่างทั่วถึงในหลายพื้นที่ ปัจจุบัน Deliveroo มี Deliveroo Editions จำนวน 14 สาขาในอังกฤษ และอีก 32 สาขาทั่วโลก โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย สิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนเธอร์แลนด์ สเปน และฝรั่งเศส และมีครัวกลางรวมทั้งสิ้นถึง 220 แห่งทั่วโลก และบริษัทยังมีแผนที่จะขยายฐานของ Deliveroo Editions เพิ่มเป็น 64 สาขาทั่วโลกภายในปีนี้อีกด้วย
รายได้ของบริษัท Deliveroo ที่เพิ่มขึ้นถึง 62% หรือคิดเป็นมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องทำงานจากที่บ้านและหันมาสั่งอาหารเดลิเวอรี่มากขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนที่จะจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรกในปีนี้และคาดว่าจะเป็นการ IPO ในฐานะบริษัทไฮเทคที่มีมูลค่าสูงที่สุดในอังกฤษในปีนี้ ซึ่งมีรายงานคาดว่าน่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์
อ่าน : สื่อจีนตัดชื่อ แจ๊ค หม่า ออกจากนักธุรกิจแถวหน้าของจีน
ความสำเร็จของ Deliveroo ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า Amazon ซึ่งเป็นเพียงผู้ถือหุ้นรายย่อยของ Deliveroo อาจจะพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นกับ Deliveroo โดย Amazon อาจนำรูปแบบธุรกิจของ Deliveroo เข้าไปผนวกรวมกับแอปพลิเคชันจัดส่งสินค้าเดิมที่บริษัทมีอยู่เพื่อทำให้เกิดซูเปอร์แอปพลิเคชันเช่นที่ Uber เคยรวมแอป UberEats เข้าไว้กับแอปหลักของ Uber โดยนักวิเคราะห์มองว่าการรวมแอปพลิเคชันเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นซูเปอร์แอปจะช่วยทำให้บริษัททั้งสองสามารถขยายฐานลูกค้าของตัวเองได้โดยไม่ต้องสร้างฐานลูกค้าจากแอปพลิเคชันใหม่
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า Amazon อาจไม่ได้มีแผนที่จะผูกขาดตลาดเดลิเวอรี่อาหารโดยสิ้นเชิง เนื่องจากในตลาดน่าจะยังมีนักลงทุนที่สนใจธุรกิจการนำเสนอทางเลือกในลักษณะเดียวกันนี้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต
