กลับมาทำตลาดอีกครั้งหลังจากหยุดทำแบรนด์ไปกว่า 5 ปี สำหรับ ทีพลัส (TEA+) ชาอู่หลงพร้อมดื่ม นับตั้งแต่ปี 2558 จากการปรับเปลี่ยนสัญญา กระทั่ง เป๊ปซี่โค และ ซันโทรี่ ได้ร่วมมือกันอย่างเป็นทางการในการทำการตลาด ด้วยการมองเห็นโอกาสทางการตลาดของตลาด ชาพร้อมดื่มในประเทศไทยที่อยู่ในระดับ 1.1 หมื่นล้านบาทในปี 2563 หรือคิดเป็นสัดส่วน 7.6% ซึ่งมีโอกาสเติบโต
นายอชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หลักในการนำผลิตภัณฑ์ใดกลับมาทำตลาดอีกครั้งมี 2 ปัจจัยด้วยกันคือ 1.ความต้องการของผู้บริโภค และ 2.จุดแข็งของบริษัท ซึ่งการนำแบรนด์ดังกล่าวกลับมาทำตลาดอีกครั้ง มาจากเทรนด์ผู้บริโภคให้ความสนใจด้านสุขภาพประกอบกับบริษัทมีผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่ม
ขณะเดียวกัน หลายต่อหลายคนคงมีคำถามว่าในเวลานี้ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินที่กำลังเป็นที่ร้อนแรง และบริษัทเราเป็นแบรนด์แรกๆ ของประเทศไทยในการจำหน่าย ทำไมถึงไม่เอากลับมาทำตลาด แต่กลับเป็น แบรนด์ชาพร้อมดื่มแทน ?
แบรนด์ กู๊ดมู๊ด (Goodmood) ของเรามาเร็วเกินไปในเวลานั้น ซึ่งยอมรับว่าเราก็มองหาโอกาสในตลาดดังกล่าวอยู่เช่นกัน ขณะเดียวกัน ตอนนี้เราก็มีผลิตภัณฑ์ในการทำตลาดจำนวนมาก อาทิ น้ำอัดลม, ชาพร้อมดื่ม, น้ำดื่ม, สปอร์ตดริ๊งค์
แต่สิ่งที่บริษัทยังไม่มีคือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง (Energy Drink) และ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งยอมรับว่าเราสนใจและอยากมีผลิตภัณฑ์ในทุกเซกเมนท์ที่เป็นโอกาส
สำหรับ การกลับมาในครั้งนี้ ทีพลัส (TEA+) ใช้งบประมาณทางการตลาดมูลค่า 200 ล้านบาท โดยจะมุ่งสร้างการการรับรู้แบรนด์ ซึ่งตั้งเป้าติดอันดับผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่ม ด้วยการนำเอาความเชี่ยวชาญในตลาดชาของ ซันโทรี่ (Santory) ในประเทศญี่ปุ่นกว่า 40 ปีที่เป็นผู้นำตลาดมาเสนอผลิตภัณฑ์สู่ตลาด
นายสมชัย เกตุชัยโกศล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตลาดชาพร้อมดื่ม ในประเทศไทย ถูกขับเคลื่อนด้วยโปรโมชั่น ไม่ใช่ดีมานด์ที่แท้จริง โดยแน่นอนว่าเราจะไม่เล่นโปรโมชั่นอย่างแน่นอน โดยจะมีการแจกผลิตภัณฑ์ทดลองจำนวน 1.6 ล้านขวด
ทั้งนี้ จากข้อมูลตลาด 99% ผู้บริโภคในประเทศไทยรู้จักชาอู่หลง และเทรนด์สุขภาพทำให้ได้รับความสนใจ ชาพร้อมดื่มกลุ่ม น้ำตาลน้อย และ ไม่มีน้ำตาล ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปี 2560 ซึ่งเราจะเจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มอายุ 25-35 ปี จึงได้เปิดตัว ทีพลัส 2 สูตร ได้แก่ สูตรไม่มีน้ำตาล และ สูตรกลมกล่อม
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยปี 2564 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น 4-5% จากปีก่อนหน้ามีอัตราลดลงราว 6% หรืออยู่ที่ 1.45 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจัยการเติบโตมาจากแนวโน้มของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่จะเติบโตขึ้น 2.8-3.2%
นอกจากนั้น การแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มในช่วงฤดูร้อนปี 2564 นี้มีสัญญาณบวกเมื่อเทียบกับฤดูร้อนปีก่อนหน้า จากการผ่อนคลายสถานการณ์ซึ่งใกล้เคียงการกลับไปสู่การใช้ชีวิตประจำวันซึ่งคาดว่าจะดีกว่าฤดูร้อนปีก่อนหน้าอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่สังเกตุได้คือแบรนด์ใหญ่ต่าง ๆ เล่นโปรโมชั่นในช่วงฤดูร้อนลดลง
