หลายคนเริ่มทำงานใหม่ ๆ เงินเดือนสตาร์ทขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือน และกำลังมองหาวิธีเก็บออมเงิน หรือลงทุนให้เงินงอกเงย เป็นการวางแผนทางการเงินไว้แต่เนิ่น ๆ ซึ่งคำถามคือ เงินเดือน 15,000 บาท จะลงทุนอะไรได้หรือไม่?
ก่อนอื่นเรามาดูว่าจะแบ่งสรรปันส่วนอย่างไร อาจใช้สูตร 60:10:30 คือ แบ่งส่วนที่ต้องใช้จ่ายต่อเดือน 60% ของเงินเดือน 15,000 บาท เท่ากับ 9,000 บาทที่จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ส่วนที่สองเก็บเป็นเงินสำรองเอาไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เช่น ใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าเทอมบุตรหลาน เก็บเงินสำรองไว้ใช้เมื่อวิกฤติการเงิน 10% หรือเท่ากับ 1,500 บาท และส่วนสุดท้าย 30% เก็บไว้เป็นการลงทุน หรือการออมเงินได้ทั้งนั้น เท่ากับ 4,500 บาท
ในขณะที่ยังไม่นับรวมคนมีหนี้ หากใครมีภาระผ่อนจ่ายหนี้ต่อเดือนเพิ่มเข้ามาอีก ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ สินเชื่อบัตรเครดิต เงินที่จะเอามาลงทุนก็อาจลดน้อยกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับภาระค่าใช้จ่ายที่มี เพื่อเป็นการบริหารเงินไม่ให้ตึงมือเกินไป
แล้วเงิน 4,500 บาทต่อเดือนสามารถลงทุน หรือออมเงินส่วนใดได้บ้าง?
ลงทุนออมเงินกับเงินฝากประจำ เงินฝากประจำเป็นอีกช่องทางให้เก็บออมเงินเป็นอย่างดีมาโดยตลอด เนื่องจากการันตีเงินที่ฝากธนาคารไว้ได้ มั่นใจว่าได้ครบทุกบาททุกสตางค์ โดยผลตอบแทนนั้น อาจต่ำกว่าการออมเงินหรือนำเงินไปลงทุนประเภทอื่น ๆ แต่ก็ยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากต่ำอยู่แล้วจากแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำ
โดยเงินฝากประจำ จะได้รับผลตอบแทนรูปแบบของดอกเบี้ยตั้งแต่ 0.375-1% ต่อปี ขึ้นอยู่กับระยะเวลาฝากเงินแต่ละประเภท เริ่มตั้งแต่ 3 เดือน ไปจนถึง 24 เดือน ยกเว้นธนาคารจะมีเงินฝากประจำพิเศษ ที่ให้ดอกเบี้ยสูง ๆ ออกมาเพื่อจูงใจ
ลงทุนกับกองทุนรวม ปัจจุบันมีหลายประเภท ประกอบด้วย กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมผสม กองทุนรวมตราสารทุน และกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ วิธีคือ นำเงิน 4,500 บาทมาลงทุนในทุกๆเดือน จะทำให้สร้างผลตอบแทนสูงเลยทีเดียว หากแม้ว่ากองทุนรวมอาจจะมีความเสี่ยง เพราะบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จะนำเงินที่เราซื้อกองทุนไว้ ไปลงทุนต่อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในหุ้น ทำให้ความเสี่ยงมีอยู่มาก แต่ไม่เท่ากับการลงทุนด้วยหุ้นโดยตรง
ดังนั้นวิธีบริหารความเสี่ยงของกองทุนรวม คือ กระจายไปหลายๆกองทุน อาจจะเลือกลงสัก 2 กองทุนต่อเดือนในทุกๆเดือนเป็นประจำสม่ำเสมอ ซึ่งอยู่ที่ว่าขั้นต่ำลงทุนของแต่ละกองจำนวนเท่าไร แต่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ขั้นต่ำ 1,000 บาท หรือ 2,000 บาทก็มีให้เห็นแล้ว หรืออาจเลือกปรึกษาเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนก็ได้เช่นเดียวกัน
ส่วนผลตอบแทนของกองทุนรวมนั้น อาจขึ้นอยู่กับทิศทางกระแสโลก กระแสธุรกิจในอนาคต เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กระแสรักษ์โลก นวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งควรศึกษานโยบายการลงทุนในหนังสือชี้ชวนให้ดี หากดูตามสถิติย้อนหลังกองทุนที่ได้รับเงินปันผลสม่ำเสมอและค่อนข้างดีเห็นจะเป็นกลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่มีผลตอบแทนต่อปีถึง 7%
แต่หากจะให้ผลตอบแทนสูงกว่านี้คงจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยสูง 10% ต่อปี ซึ่งอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเพิ่มขึ้นตามมานั่นเอง
ลงทุนในหุ้น โดยหุ้นนั้น เป็นการลงทุนร่วมเป็นเจ้าของในบริษัทนั้น ๆ หากบริษัททำธุรกิจได้ดี สะท้อนจากผลกำไร จะทำให้ผู้ลงทุนไว้ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของ ได้แบ่งปันผลกำไรนั้นด้วย เรียกว่าการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนบางคนอาจเลือกเก็งกำไรจากผลต่างของราคา เมื่อราคาหุ้นที่ถืออยู่ขึ้น ก็ขายเพื่อทำกำไร และเมื่อราคาลดก็กลับมาซื้อหุ้นนั้นใหม่ก็เป็นทางหนึ่งเหมือนกัน
แต่ต้องจำไว้เสมอว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ยิ่งลงทุนในหุ้น ความเสี่ยงยิ่งสูง และผู้จะลงทุนจะต้องศึกษากิจการนั้นให้ดี ดูงบการเงิน แผนธุรกิจ ซึ่งในแต่ละกิจการมีความแตกต่างกันออกไป เมื่อเลือกลงทุนต้องยอมรับความเสี่ยงนั้นได้ และเงินที่นำไปลงทุน ต้องเป็นเงินที่ไม่ใช่เงินเก็บไว้ยามฉุกเฉิน หรือเงินที่ใช้จ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งสัดส่วนของคนเงินเดือน 15,000 บาทที่นำมาลงทุน 4,500 บาท ก็คือเงินที่ต้องสามารถรับความเสี่ยงได้
สุดท้ายอาจเลือกลงทุนออมทอง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุน ซึ่งถือเป็นแนวทางออมของคนไทยมาตั้งเนิ่นนาน แต่สมัยก่อนอาจเก็บเงินก้อนเพื่อนำไปซื้อทองคำ หรือทองรูปพรรณมาเก็บสะสมไว้ ในระยะยาวอีก 20-30 ปี ราคาทองคำขึ้นสามารถนำมาขายเพื่อทำกำไร หรือส่งต่อเป็นมรดกสู่ลูกสู่หลานก็ยังได้
ส่วนผลตอบแทนนั้นก็ขึ้นอยู่กับราคาทองคำที่จะเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่มักจะถือยาว และปัจจุบันมีช่องทางให้ลงทุนกับทองค่อนข้างมาก เช่น ลงทุนผ่านกองทุนทอง หรือออมผ่านร้านทองที่ให้ลงทุนเท่ากันทุก ๆ เดือน เริ่มได้ตั้งแต่ 1,000 บาทเป็นต้นไป หรือจะซื้อเป็นรายครั้งแล้วแต่จะลงทุนว่าจำนวนเท่าไร เมื่อสะสมครบตามน้ำหนักทองแล้ว สามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำจริง ๆ ได้นั่นเอง
เมื่อเราลงทุนเป็นประจำทุก ๆ เดือน เดือนละ 4,500 บาท สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากมาย และเป็นการเรียนรู้วิธีบริหารเงินตั้งแต่เริ่มต้นของการทำงาน เพื่อสร้างรากฐานทางการเงิน และวิธีข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างของทางเลือกให้คนเพิ่งเริ่มต้นทำงานและมีเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือนได้เลือกลงทุนและเก็บออมเงินเพื่ออนาคต