การส่งออกของไทยในเดือน ต.ค.65 อยู่ที่ 21,772 ล้านดอลลาร์ฯ กลับมาหดตัว 4.4% จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 7.8% โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 20 เดือน จากการส่งออกสินค้าทุกหมวดหลักที่กลับมาหดตัว ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร ตามการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศคู่ค้าที่สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่แผ่วลงในตลาดสำคัญ ทั้ง สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน และญี่ปุ่น โดยการส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกขยายตัว 9.1% ส่วนการส่งออกทองคำเดือนนี้ขยายตัว 56.9% ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้กลับมาหดตัว 5.3%
นายชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง นักวิเคราะห์ Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การส่งออกกลับมาหดตัวสอดคล้องกับการส่งออกของภูมิภาคที่แผ่วลงจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การส่งออกของประเทศในภูมิภาคเริ่มมีทิศทางชะลอตัวจากอุปสงค์โลกที่อ่อนแอลง โดยการส่งออกของประเทศในกลุ่มอาเซียน อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ มีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนจากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่แผ่วลงรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ชะลอตัว อาทิ ราคาปาล์มน้ำมัน และราคาเหล็ก
ขณะเดียวกันการส่งออกในเกาหลีใต้และไต้หวันกลับมาหดตัวจากการส่งออกสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ลดลงโดยเฉพาะการส่งออกไปยังจีนจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ Krungthai COMPASS ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทยทั้งจากด้านอุปสงค์ที่ชะลอลง รวมถึงราคาที่ปรับตัวลงโดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งอยู่ในทิศทางเดียวกับการส่งออกของภูมิภาค
อย่างไรก็ตามต้องจับตาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในจีนอาจซ้ำเติมผู้ส่งออกสินค้าไปจีน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนกลับมารุนแรงอีกครั้งในเดือน พ.ย. โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงเกิน 3 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการแพร่ระบาดจากครั้งก่อนที่ระบาดรุนแรงเมื่อเดือน เม.ย. โดยทางการจีนได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดรวม เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เป็นต้น
ทั้งนี้ คาดว่าหากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและทางการจีนใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่ยาวนานเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดจะส่งผลกระทบต่อการบริโภคของจีนและกระทบการส่งออกสินค้าไปยังจีนมากกว่าคาด ซึ่งจะซ้ำเติมการส่งออกไปจีนที่หดตัวต่อเนื่อง ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจของจีนที่กำลังเผชิญแรงกดดันหลายด้าน เช่น ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงกระแสต่อต้านมาตรการ Zero Covid ที่เพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจจีนมากขึ้น
ดร. ปุณยวัจน์ ศรีสิงห์, นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า EIC มองการส่งออกสินค้าไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลก และคาดขยายตัวได้เพียง 1.2% ในปี 66 แนวโน้มการส่งออกสินค้าของไทยในระยะถัดไปดูไม่ค่อยสดใสนัก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีทิศทางชะลอลงมาก
โดย EIC ประเมินว่า เศรษฐกิจบางประเทศหลักมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรจะเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ปลายปีนี้ ตามด้วยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี 66 ทั้งนี้สัญญาณอุปสงค์โลกชะลอตัวลงมากขึ้น สะท้อนจาก (1) ข้อมูลดัชนี Manufacturing PMI ของประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมถึงข้อมูล Exports order ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 (2) ข้อมูลการส่งออก 20 วันแรกของเกาหลีใต้ในเดือนพฤศจิกายนหดตัว -16.7% ซึ่งหดตัวสูงสุดในรอบ 30 เดือน โดยในเดือนนี้การส่งออกของเกาหลีใต้หดตัวรุนแรงในตลาดจีน (-28.3%) และฮ่องกง (-35.6%) ขณะที่การนำเข้าของเกาหลีใต้หดตัว -5.5% นับเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี และ (3) การส่งออกของจีนในเดือนตุลาคมหดตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปีอยู่ที่ -0.3%
นอกจากนี้ การนำเข้าของจีนหดตัว -0.7% นับเป็นการหดตัวครั้งแรกเช่นกันนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 63 และ จีนนำเข้าสินค้าไทยลดลง -14.5% นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ทั้งนี้ข้อมูลการส่งออกและนำเข้าของจีนและเกาหลีใต้ที่ลดลงสะท้อนให้เห็นอุปสงค์ของตลาดโลกที่ลดลงชัดเจน (แม้ในตลาดจีนมีส่วนหนึ่งที่เป็นผลกระทบจากการปิดเมืองเพื่อควบคุม COVID-19) และมีแนวโน้มสะท้อนให้เห็นอุปสงค์ของสินค้าจากไทยที่อาจลดลงเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ EIC จึงปรับลดประมาณการมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 66 มาอยู่ที่ 1.2% จากเดิม ณ เดือนกันยายน ที่ 2.5%