เครือสหพัฒฯ จับมือร่วมลงทุนกับ โคเมเฮียว ร้านแบรนด์เนมมือสองจากญี่ปุ่น เปิดแฟลกชิพสโตร์แห่งแรกในไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 4 ร้อยล้านบาท พร้อมขยายสาขาเพิ่ม 3-4 สาขาภายใน 3 ปี
นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท สหโคเมเฮียว จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนกับญี่ปุ่นโดยมีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาทในช่วงธันวาคม 2561 ถือหุ้นโดยคนไทยร้อยละ 51 และญี่ปุ่นร้อยละ 49 ซึ่งทางโคเมเฮียวมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจเนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยต่างเข้าไปช้อปสินค้ามือสองที่ญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศจีน และมีการใช้จ่ายเฉลี่ย 2-3 แสนบาท ต่อคนต่อครั้ง จึงตัดสินใจมาเปิดโคเมเฮียวสาขาแรกในไทยและเป็นสาขาแรกในต่างประเทศที่ใช้ชื่อว่า โคเมเฮียว

นายทาคุจิ อิชิฮาระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โคเมเฮียว จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) กล่าวว่า โคเมเฮียว ทำธุรกิจ Reuse ที่ญี่ปุ่นยาวนานกว่า 70 ปี โดยรับซื้อสินค้าจากลูกค้าที่ไม่ได้ใช้แล้ว นำมาซ่อมแซมและตรวจสอบก่อน เพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าที่มีความต้องการต่อไป จุดเริ่มต้นของการ Reuse คือการใช้สิ่งของอย่างทะนุถนอม และให้เกิดความคุ้มค่าของสิ่งของมากที่สุด นำไปสู่การสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน โดยโมเมเฮียวและเครือสหพัฒฯ มีแนวคิดที่ตรงกันจึงจัดตั้งบริษัทร่วมกัน และเปิดร้านแฟลกชิพสโตร์แห่งแรกในประเทศไทย
สำหรับโคเมเฮียวในประเทศญี่ปุ่นปัจจุบันมียอดขาย 4.5 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 1.24 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นคนญี่ปุ่น 85% และชาวต่างชาติ 15% โดยชาวจีนมีสัดส่วนเป็นอันดับ 1 ของชาวต่างชาติประมาณ 50% ขณะที่จำนวนสาขาโคเมเฮียวในประเทศญี่ปุ่นมี 39 สาขา และภายในเดือนธันวาคม 2562 จะเปิดเพิ่มอีก 3 สาขาซึ่งเป็นศูนย์รับซื้อสินค้าทั้งหมด รวมเป็น 42 สาขาภายในปีนี้ ประเทศจีน 2 สาขา ฮ่องกง 1 สาขา และไทย 1 สาขาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

หลังจากที่โคเมเฮียวได้เปิดสาขาแรกในประเทศแล้ว ยังมีเว็ปไซต์ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ถือเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งเป็นการขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งในปี 2563 ทางโคเมเฮียวตั้งเป้ารายได้ประมาณ 54 ล้านบาท ขณะที่แผนต่อไปในอีก 3 ปีข้างหน้า (2563-2565) เตรียมที่จะเปิดสาขาเพิ่ม 3-4 สาขา ในพื้นที่สยาม ชิดลม และสุขุมวิทซึ่งเป็นแหล่งที่มีคนรู้จักรวมทั้งสามารถเดินทางได้สะดวก ส่วนยอดขายตั้งเป้าไว้ที่ประมาณ 3-4 ร้อยล้านบาท