สมคิด ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าค้าขายระหว่างไทยและฮ่องกงเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 63 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 62 ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เตรียมกลยุทธ์ชูไทยเป็นฐานการผลิตที่ 2 ของฮ่องกง และเชื่อมโยงตลาดทุนเข้าด้วยกัน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน Exploring New Business Opportunities Seminar Cum Networking Luncheon ว่า ในยามที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เป็นเรื่องที่กระตุ้นให้ทุกประเทศทั่วโลกต้องหันมาร่วมมือกันในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้น ขณะเดียวกันประเทศในภูมิภาคเอเชียก็มีความพร้อมมากด้วยเช่นกัน ถ้าหากทุกประเทศในภูมิภาคเอเชียหันหน้ามาร่วมมือกันจะส่งผลดีกับเศรษฐกิจของภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม ในภูมิภาคเอเชียมีโครงการที่เป็นความร่วมมือ และโครงการที่จะเชื่อมต่อประเทศต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างอาร์เซ็บ และ Belt and Road ซึ่งหากการดำเนินโครงการเป็นไปด้วยดีจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ ต้องมีช่องทางให้เกิดความเชื่อมโยงของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ซึ่งมองว่า GBA เป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุด ที่จะช่วยทำให้การเชื่อมโยงเป็นไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด
ขณะเดียวกัน ส่วนสำคัญของโครงการ Belt and Road คือเส้นทางตอนใต้ ซึ่งไทยจะเป็นประตูที่สำคัญให้นักลงทุนฮ่องกง เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน โดยไทยมีแผนที่จะตั้งนิคมอุตสาหกรรมพิเศษสำหรับฮ่องกง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการลงทุนระหว่างฮ่องกงและไทยด้วย
ส่วนความร่วมมือระหว่างไทยและฮ่องกงในอดีต มีเพียงความร่วมมือกันในด้านสินค้าเกษตร เท่านั้น โดยที่ปัจจุบันทั้ง 2 ประเทศมีความโดดเด่นในหลายด้านเพิ่มขึ้น หากมีการร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ อย่างเช่นด้านภาพยนตร์, โลจิสติกส์ และการเงินเป็นต้น จะทำให้เศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น โดยคาดหวังว่ามูลค่าการค้ารวมของไทยและฮ่องกงในปี 63 จะเพิ่มขึ้นเป็น 20,000 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่มีมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ในการร่วมมือกันระหว่างไทยกับฮ่องกง ยังเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยจะได้เชื่อมโยงกับ GBA ซึ่งจะสร้างโอกาสให้กับประเทศไทยได้อีกด้วย
สำหรับในวันที่ 29 พ.ย.62 ที่ทำเนียบรัฐบาลจะมีการประชุมระหว่างรัฐบาลไทยและฮ่องกงอย่างเป็นทางการ เพื่อหากลไกลในการขับเคลื่อนสิ่งต่าง ๆ ร่วมกัน สิ่งที่หวังมากที่สุดคือต้องการให้ความร่วมมือเป็นไปในระยะยาว ไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนก็ยังต้องร่วมมือกันต่อไป
สิ่งที่จะมีการหารือร่วมกันได้แก่ การขยายการลงทุนระหว่างกัน, การท่องเที่ยว, ภาคบริการกับการสร้างสตาร์ทอัพใหม่ รวมถึงการขับเคลื่อนให้เกิด Creative Economy ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสให้กับทั้งสองประเทศ
นอกจากนี้แล้ว ฮ่องกงยังกำลังมองหาฐานการผลิตแห่งที่ 2 ซึ่งไทยพร้อมที่จะรับบทบาทดังกล่าวด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันโอกาสที่สำคัญอีกหนึ่งสิ่งคือการเชื่อมโยงตลาดทุนไทยและฮ่องกงเข้าด้วยกัน ซึ่งตลาดทุนฮ่องกงเป็นตลาดที่แข็งแกร่งระดับโลก ถ้าหากสามารถทำให้ตลาดทุนทั้ง 2 เชื่อมโยงกันได้จะส่งผลดีกับไทยและฮ่องกงด้วยกันทั้งคู่
