HomeBT Newsความเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ 23-27 ต.ค. 66

ความเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ 23-27 ต.ค. 66

เงินบาทแข็งค่า แต่ดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวลงต่อเนื่อง

  • เงินบาทแข็งค่าขึ้น หลังตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.ย. ขยายตัวดีกว่าคาด ขณะที่ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิพันธบัตรไทยในระหว่างสัปดาห์
  • SET Index ปรับตัวลงท่ามกลางปัจจัยลบ อาทิ สถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค


สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

- Advertisement -

เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่าเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ก่อน โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 36.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับทิศทางแข็งค่าของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ (หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลง)

ประกอบกับมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากตัวเลขการส่งออกเดือน ก.ย. ของไทยที่ขยายตัวมากกว่าที่คาด และการกลับเข้ามาซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาบางส่วนในระหว่างสัปดาห์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดีกว่าที่คาด หนุนบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ฯ ให้แข็งค่าขึ้น

เงินบาทกลับมาปรับตัวในกรอบแคบในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลง หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปีไม่สามารถทรงตัวเหนือระดับ 5.00% ได้ ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล และผลการประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.

ในวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 36.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 36.51 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (20 ต.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 24-27 ต.ค. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,598 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 9,695 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 10,973 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 1,278 ล้านบาท)

สัปดาห์ถัดไป (30 ต.ค. – 3 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 36.00-36.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (31 ต.ค.-1 พ.ย.) รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือน ก.ย. ของ ธปท. สัญญาณเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์ในอิสราเอล

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิต ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนต.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน ก.ย.

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOJ และ BOE ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 และอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ของยูโรโซน และข้อมูล PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์ หลังร่วงลงแรงในระหว่างสัปดาห์ โดยภาพรวมหุ้นไทยปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โอกาสที่เฟดจะตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ตลอดจนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ดีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์ตามทิศทางหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงซื้อคืนหุ้นบิ๊กแคป

อนึ่ง หุ้นกลุ่มที่กดดันตลาดตลอดสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเผชิญแรงขายสอดคล้องกับหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ และกลุ่มแบงก์ซึ่งเผชิญแรงขายทำกำไรหลังประกาศงบฯ ไตรมาส 3/66

ในวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,388.23 จุด ลดลง 0.79% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 45,203.82 ล้านบาท ลดลง 4.69% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.96% มาปิดที่ระดับ 399.90 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (30 ต.ค. – 3 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,360 และ 1,350 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,420 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (31 ต.ค.–1 พ.ย.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงผลประกอบการไตรมาส 3/66 ของ บจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิตเดือนต.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ BOE ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/66 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค. ของญี่ปุ่น จีน และยูโรโซน

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News