“เพื่อไทย” ดัน พรบ. อากาศสะอาดเข้าสภาฯแก้ PM2.5
จุลพันธ์ อมรวิวัตน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงถึงการยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาดเพื่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เข้าชื่อกันยื่นร่างร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ ต่อประธานสภาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ภายหลังได้รับมอบมายจากเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยนายกรัฐมนตรีได้เดินคู่ขนานใน 2 ขา คือ 1.ให้ ส.ส.เข้าชื่อเพื่อเสนอกฎหมายดังกล่าว 2.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดฯในเวอร์ชั่นของภาครัฐคู่ขนานไปอีกทาง

ในฐานะ ส.ส.จะผลักดันกฎหมายฉบับดังกล่าวให้มีการบรรจุวาระเข้าสู่สภาและตั้งคณะกรรมมาธิการพิจารณาให้เร็วที่สุด เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้ผลักดันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่วันนั้นพรรค พท.ไม่มีอำนาจรัฐ โดยวันนี้เมื่อเรามีอำนาจรัฐจึงเสนอร่างกฎหมายเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมปรับเปลี่ยนกลไกการแก้ปัญหาให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้น ให้มีบทลงโทษผู้ก่อมลพิษเผาป่าในประเทศ รวมถึงมีกลไกแก้ปัญหาหมอกควันข้ามแดน ให้มีบทลงโทษบริษัทที่ทำให้เกิดปัญหามลพิษข้ามแดนด้วย ตลอดจนจะให้มีการแจ้งเตือนภัยถ้ามีแนวโน้มที่จะเกิดมลพิษทางอากาศ ขณะที่นายกฯก็พร้อมจะนำเรื่องดังกล่าวไปสู่เวทีโลก ในการผลักดันการแก้ปัญหา
แกนนำ ปชป.จ่อตั้งพรรคใหม่ ดัน “อภิสิทธิ์” นั่งหัวหน้าพรรค
รายงานข่าวจากแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาชิกพรรคทั้งอดีตสมาชิก ลาออกจากการเป็นสมาชิก ไปตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อเตรียมการเลือกตั้ง ส.ส.ซึ่งคาดว่าไม่เกินปี 2569 โดยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรค เพราะเมื่อเทียบเคียงกับสมาชิกคนอื่นๆ

ในขณะนี้ อภิสิทธิ์ยังมีความเหมาะสมกับยุคสมัยของการเมืองมากกว่า ทั้งนี้ เพื่อให้กลับมายืนจุดเดิมคือยึดมั่นในอุดมการณ์พรรคประชาธิปัตย์ โดยมี อดีต ส.ส.และ ส.ส.ปัจจุบันยังร่วมเพื่อกอบกู้พรรคประชาธิปัตย์ ส่วน ส.ส.และอดีต ส.ส.จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคที่ปัจจัยเกื้อหนุนมากกว่าพรรคอื่นๆ
รายงานว่าอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์วิเคราะห์การเมืองไทย พรรคการเมืองที่จะยืนอยู่ในเวทีการเมืองประเทศไทย มีพรรคก้าวไกล เพื่อไทย ภูมิใจไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคต่ำสิบหรือหายไปจากสารบบพรรคการเมืองเช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคเล็ก หากยังดำรงอยู่ในสถานที่ไม่ใช่ฝ่ายค้านและไม่ใช่รัฐบาล ไม่กลับมายืนในอุดมการณ์เดิมและเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีเงินทุนสนับสนุนในการเลือกตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับการเลือกตั้งปี 2566 จำนวน 22 คน ส่วนหนึ่งเตรียมจะย้ายพรรค เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยมากอันดับหนึ่ง เพราะมีความพร้อมด้วยปัจจัยหลายด้าน รองลงมาคือพรรคเพื่อไทย
“พิพัฒน์”มอบนโยบายแรงงาน เร่งเพิ่มทักษะอาชีพ
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยมีนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการจัดหางาน เข้าร่วมประชุมผ่านระบบ VDO Conference

มุ่งเน้นส่งเสริมการมีงานทำ และรายได้ที่มั่นคงให้กับแรงงานทุกกลุ่ม ด้วยการพัฒนาทักษะแรงงานรองรับเศรษฐกิจใหม่ (Up – Skill for More Earn) พร้อมส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเน้นการบูรณาการร่วมกันระหว่างภาครัฐ อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และภาคเอกชน เชื่อมโยงข้อมูลกำลังแรงงาน และความต้องการจ้างงาน เพื่อความสมดุลอย่างยั่งยืนของตลาดแรงงาน ควบคู่การขยายตลาด สร้างโอกาสให้แรงงานไทยไปทำงานในต่างประเทศมากขึ้นใ
“พิธา”ปราศรัยเชียงใหม่ มั่นใจอีก 4 ปีเป็นรัฐบาล
ที่บริเวณลานจอดรถหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ลงพื้นที่ หลังรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า แม้พรรคจะเป็นฝ่ายค้าน แต่จะเป็นฝ่ายค้านเชิงรุกทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้ประชาชนในการตรวจสอบการทำงาของรัฐบาล

รวมทั้งจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเต็มที่ แม้ อ.จอมทอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขต 9 ผู้สมัครของพรรค คือสมเกียรติ มีธรรม จะไม่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แต่ขอขอบคุณพี่น้องเขต 9 ที่ลงคะแนนให้ผู้สมัครของพรรคกว่า 2.6 หมื่นคะแนน ขอให้ประชาชนรอคอยอีก 4 ปี ข้างหน้าพรรคก้าวไกลจะกลับมาอย่างแน่นอน
“ศิธา” ตั้งกระทู้ถาม “ชลน่าน” ปม สธ. ติดหนี้ อสม. 300 วัน
น.ต.ศิธา ทิวารี สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่าเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ติดหนี้อาสาสมัครอยู่ 300 กว่าวัน อย่าลืมเร่งจ่ายให้ด้วยนะครับ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปรับหนังสือจากตัวแทน เครือข่ายผู้ปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน ทั่วประเทศซึ่งมีจำนวนถึง 9 พันกว่าหน่วย

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจ่ายเงินสนับสนุนล่าช้า โดยรัฐบาลลุงฯ “ตัวพ่อแห่งวงการค้างจ่าย” ติดเงินค้างจ่ายมาแล้วอุตลุดเช่น เบี้ยเสี่ยงภัยโควิด เบี้ย อสม. เบี้ยฉุกเฉิน จนผู้มีจิตอาสาทั้งหลายเรียก”เบี้ย” เพี้ยนเป็น “เบี้ยว” กันหมดแล้ว
ส.ส.พรรคไทยสร้างไทย ได้ยื่นเรื่องตั้งกระทู้ถามเฉพาะต่อ รมต.สธ. ไว้แล้ว พรุ่งนี้ถ้าท่านรัฐมนตรีจะไปตอบด้วยตัวเอง ก็จะเป็นพระคุณต่อน้องๆ อาสาสมัครเครือข่ายฯ เป็นอย่างยิ่ง