นายกฯ ยินดีการค้า ‘ไทย-จีน’ โตต่อเนื่อง ขยายความร่วมมือในมณฑลซานตง
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับความร่วมมือทางการค้าของไทย – จีนที่เติบโตต่อเนื่อง โดยได้ร่วมกันจัดงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน (ซานตง) – ไทย (China (Shandong) – Thailand Business Co-operation and Matchmaking Conference) สะท้อนพัฒนาการทางการค้าระหว่างสองประเทศ พร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจและอุตสาหกรรมทุกมิติ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มณฑลซานตง ถือเป็นมณฑลที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดมณฑลหนึ่งของจีน มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและข้อได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ต่าง ๆ เช่น มีผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของจีน มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ครบทั้ง 41 ประเภทของจีน มีช่องทางโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นจุดตัดของเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการท่าเรือและการขนส่ง รวมทั้งมีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) สามารถรองรับการขยายความร่วมมือกับประเทศสมาชิก RCEP ในด้านต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม โดยล่าสุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา หน่วยงานทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำมณฑลซานตง (CCPIT) คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หอการค้าไทย-จีน และสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีนประจำประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าจีน (ซานตง) – ไทย โดยมีบริษัทจากมณฑลซานตงและไทยจำนวนกว่า 400 บริษัท เข้าร่วม เกิดการเจรจาธุรกิจแบบทวิภาคีในที่จัดงานกว่า 300 คู่ และมีการลงนามความร่วมมือมากกว่า 10 ฉบับ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานส่งเสริมการค้า และวิสาหกิจ
ภาครัฐ-เอกชน จัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2023
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ขานรับตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่การใช้พลังงานสะอาด ร่วมกันจัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2023 (ASEW) งานแสดงเทคโนโลยีระดับภูมิภาค ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม และความร่วมมือในการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยด้วยการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคอาเซียน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งาน ASEW จัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 33 โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยในปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 ส.ค. – 1 ก.ย. 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Powering the Clean Energy Transition Toward Carbon Neutrality Goal) โดยมีเป้าหมายในการเป็นเวทีระดับนานาชาติเชื่อมโอกาสให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีด้านพลังงานจากหลากหลายประเทศมาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพื่อร่วมกันพัฒนาและเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาด สร้างความยั่งยืน และเพิ่มโอกาสให้กับประเทศไทยในอนาคต โดย ASEW 2023 ถือเป็นงานแสดงสินค้าและการประชุมระดับนานาชาติที่ครอบคลุมมากที่สุดในภูมิภาค ทั้งด้านพลังงานทดแทน การจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
มหาดไทยปลดล็อกนำอาคารที่พักอื่นมาทำโรงแรมขนาดเล็ก
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อให้เม็ดเงินกระจายสู่ท้องถิ่น ประชาชนได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวกว้างขวางขึ้น หน่วยงานต่างๆ ได้ปรับปรุงเกณฑ์รวมถึงออกมาตรการสนับสนุนเพื่อให้เป็นไปตามนโยบาย ซึ่งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้ออกและปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้มีการนำอาคารประเภทอื่นมาประกอบธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กได้

ล่าสุด กระทรวงมหาดไทยได้ปรับปรุงกฎกระทรวงฯ เพิ่มเติม ออกเป็นกฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม (ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2566 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา โดยสาระสำคัญได้ขยายระยะเวลาของกฎกระทรวงจากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 ส.ค. 67 ไปสิ้นสุด 18 ส.ค. 68 เพื่อให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารมีเวลาในการแก้ไขดัดแปลงอาคารที่ก่อสร้างไว้แล้วให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ทัน
ไทย – เกาหลีใต้ ลงนาม MOU จัดส่ง ‘แรงงานเกษตรตามฤดูกาล’
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการจัดส่งแรงงานภาคเกษตรตามฤดูกาล ระหว่างกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ราชอาณาจักรไทย และอำเภอจินอัน จังหวัดซอลลาบุก สาธารณรัฐเกาหลี (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING (MOU) ) ณ โรงแรม LOTTE Seoul สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน และนายชุนซอง จอน นายอําเภอจินอัน ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของสาธารณรัฐเกาหลี เป็นผู้จรดปากกาลงนาม ท่ามกลางสักขีพยานทั้งสองฝ่าย

นายสุชาติ กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือกับอำเภอจินอันในครั้งนี้ เป็นการเปิดตลาดอีกประเภทให้กับแรงงานไทย โดยนำร่องจัดส่งแรงงานภาคเกษตรของไทยเข้ามาทำงานภาคเกษตรและประมงตามฤดูกาล (วีซ่า E-8) ตามโครงการจัดส่งแรงงานเกษตรตามฤดูกาลซึ่งดำเนินการภายใต้กระทรวงยุติธรรมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานและพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งสืบเนื่องจากช่วงเดือน มิ.ย. ปี 2565 ที่ตนได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงานเยือนสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อเจรจาขยายตลาดแรงงานไทย ซึ่งบรรยากาศระหว่างกันเต็มไปด้วยไมตรีจิต ทางการเกาหลีตอบรับเป็นอย่างดี จึงหารือร่วมกันมาโดยตลอด เพื่อขจัดปัญหาและอุปสรรคจนนำมาสู่ความสำเร็จในการบรรลุข้อตกร่วมกันในวันนี้
สำเร็จ ไทยส่งออก ‘ส้มโอฉายรังสี’ ไปสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนาย มาร์ค กิลคีย์ (MR. Marc Gilkey) ผู้แทนกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) ร่วมเป็นสักขีพยานการจัดส่งส้มโอไทยชิปเม้นท์แรก มะม่วงชิปเม้นท์แรกของฤดูกาลปี 2566 และมังคุด ไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา โดยมี นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวรายงานสรุปการดำเนินงานโครงการ Pre Clearance Program ณ ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารตรวจสอบรับรองสินค้าพืชแบบเบ็ดเสร็จ กรมวิชาการเกษตร แห่งใหม่

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยสามารถขยายตลาดส่งออกได้เพิ่มมากขึ้น โดยในวันนี้เป็นการส่งออกส้มโอฉายรังสี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ทองดี พันธุ์ขาวใหญ่ พันธุ์ขาวน้ำผึ้ง และพันธุ์ขาวแตงกวา จำนวน 72 กล่อง น้ำหนัก 864 กิโลกรัม ไปสหรัฐอเมริกาครั้งแรก และขอขอบคุณผู้แทนกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกาที่ได้ให้การสนับสนุนผลไม้ไทย นับเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกส้มโอ รวมทั้งผู้ประกอบการส่งออกผลไม้จะได้เพิ่มตลาดส่งออกได้มากขึ้น โดยสหรัฐอเมริกานับได้ว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซี่งการจัดงานในวันนี้ถือเป็นการประสบความสำเร็จของผลไม้ไทย เกษตรกร และผู้ประกอบการ ตลอดจนกรมวิชาการเกษตรสามารถเปิดตลาดผลไม้สดเพื่อการส่งออกไปยังประเทศที่มีความเข้มงวดด้านมาตรการสุขอนามัยพืชอย่างสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ