“พิธา” นำ 151 ส.ส.พรรคก้าวไกล เข้าสภาฯ มั่นใจเสียง ส.ว.พอหนุนนั่งนายกฯ
วันที่ 27 มิ.ย. 66 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้นำคณะส.ส.ของพรรค 150 คน เดินทางเข้ารายงานตัวส.ส. ต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พิธากล่าวว่าการเลือกตั้งรอบก่อนได้ 83 คน ครั้งนี้ได้151 คน

โดยรวมเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า สิ่งที่สำคัญคงไม่ใช่เรื่องของตัวเลข แต่เป็นเรื่องของการทำงานที่มีความตั้งใจที่จะเป็นส.ส. ให้สมกับที่ได้รับเลือกมา มีกฎหมายก้าวหน้าสำคัญๆ สำหรับพี่น้องประชาชนหลายๆ รูปแบบ ส่วนกรณีที่มีส.ว. หลายคนออกมาระบุว่าจะไม่โหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกฯ นั้นไม่กังวลใจ เพราะเท่าที่มีโอกาสได้พูดคุยกับส.ว. ก็มีหลายท่านทีมีดุลยพินิจ และหลักการ ที่จะใช้ในการโหวตเลือกตามบรรทัดฐานที่เคยทำไว้ในปี 2562 ที่เคยพูดไว้ว่า “ถ้าใครที่รวมเสียงในสภาล่างได้เกิน 250 เสียง ก็ไม่อยากจะฝืนมติของสภาล่าง” ตอนนี้มั่นใจว่ามีเสียงเพียงพอกับการที่จะทำให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้
“วิษณุ” ชี้คำร้อง ม.112 สารตั้งต้นยุบ “พรรคก้าวไกล” หากศาลตัดสินว่าผิด
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารมีมติให้ อัยการสูงสุดว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องภายใน 15 วัน กรณีธีรยุทธ สุวรรณเกสร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยศาลรัฐธรรมนูญสอบถามเพราะมีคนไปร้องมานานแล้ว และยังไม่ทำความเห็นส่งมาเสียที เพราะถ้าไม่ส่งเอกชนก็จะฟ้องร้องเอง เมื่อถามว่าคำร้องให้เขียนว่าแค่ยกเลิกการกระทำ ถือเป็นสารตั้งต้นให้คนมาร้องคดีอาญาหรือคดียุบพรรคกรณีหากศาลตัดสินว่าผิดใช่หรือไม่ นายวิษณุ พยักหน้าและตอบว่า ใช่ และอย่าให้ตนไปแนะนำเลย ส่วนจะส่งผลต่อการเมืองในเรื่องของการโหวตเลือกนายกฯ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 112 นายวิษณุ กล่าวว่า ก็แล้วแต่ว่าใครจะมีความรู้สึกอย่างไร เมื่อถามถามว่าโทษร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าไปถามล่วงหน้า เอาให้จบเรื่องเสียก่อน
สภาฯตัดสิทธิ์ “ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ” ส.ส.ก้าวไกล คดีเมาแล้วขับ
พรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการปรับยอดจำนวน ส.ส.ที่ต้องเข้ารายงานตัวต่อสภาฯ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง 500 คน แต่สภาฯ ระบุว่ามี 499 คน เนื่องจากได้ตัดสิทธิ์ของ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล

โดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ทำหนังสือถามที่ศาลอาญา มีนบุรี เนื่องจาก ณธีภัสร์ มีคดีเมาแล้วขับ โดย ทางสภาฯ ได้รับหนังสือจากศาลอาญา มีนบุรี ว่า คดีดังกล่าวถึงที่สุด จึงถือว่า ณธีภัสร์ สิ้นสุดสมาชิกภาพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 ดังนั้นเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ จำนวนส.ส.ต้องลดลง โดยสำนักงานฯได้แจ้งไปยังพรรคก้าวไกลและน.ส.ณธีภัสร์แล้ว เป็นการประสานภายใน ส่วนการเลื่อนลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อถัดไปขึ้นมาแทนนั้น ทางสำนักงานจะดำเนินการหลังจากที่มีประธานสภาฯ คนใหม่แล้ว เบื้องต้นเวลาจะไม่ยาวนาน คือ ภายใน 7 วัน แต่การออกประกาศจากสภาฯ ต้องรอลงราชกิจจานุเบกษา
ผบ.ตร.เปิดแผนรักษาความสงบสภาฯวันโหวตนายกฯ คาดใช้ตำรวจควบคุมฝูงชนดูแลสถานการณ์
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยแผนการรักษาความสงบเรียบร้อยอาคารรัฐสภา และพื้นที่โดยรอบช่วงการประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกประธานสภาและนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะมีมวลชนมาชุมนุมเพื่อกดดัน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีแผนรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญอยู่แล้ว และมีการประเมินว่าอยู่ในภาวะหรือสถานการณ์อย่างไร

โดยทราบว่าในส่วนของรัฐสภาตอนนี้มีการมายื่นหนังสือร้องเรียนและมีการชุมนุมเกิดขึ้น ซึ่งก็มีการดูแลความปลอดภัยตามปกติ ควบคู่ไปกับประเมินไม่ว่าจะมีภัยคุกคามมากน้อยเพียงไร ก็จะปรับแผนไปตามระดับ หรือหากพิจารณาแล้วมีความน่าเป็นห่วงมีมวลชนมาชุมนุมเป็นจำนวนมากก็จะปรับแผนและระดมกำลังตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมอุปกรณ์รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลความสงบเรียบร้อยย้ำว่าการดูแลแต่ละดับก็ไม่เหมือนกัน โดยตอนนี้ก็ได้กำชับให้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปรับแผนไปเรื่อยเพื่อเตรียมความพร้อมไว้
“ชัยวุฒิ” มั่นใจ “บิ๊กป้อม” เป็นนายกฯได้ถ้าสภาฯโหวตให้
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการประชุมพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ ว่า เป็นการชี้แจงกำหนดการเปิดประชุมสภาที่จะมีรัฐพิธี เปิดประชุมสภาในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ซึ่งในวันนี้จะมีการหารือแนวทางการโหวตเลือกประธานสภาฯ ซึ่งจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่จะยังคงไม่ได้ข้อสรุปในวันนี้ เพราะการเมืองสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่หลายพรรคมีการประชุมกันเพื่อหารือประเด็นดังกล่าว และยังไม่มีการหารือกันว่าจะเสนอชื่อกลุ่มรัฐบาลเดิมเป็นประธานสภา

ซึ่งครั้งที่ผ่านมาเป็นการเสนอชื่อจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านในการชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ทั้งนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงกระแสข่าวหากพรรคก้าวไกล จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้จะมีการดีลกับพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อพลเอกประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงกระแสข่าว แต่ขอบคุณที่มีกระแสข่าวนี้ ซึ่งตนยังเชื่อมั่นกับประชาชนและเชื่อมั่นกับพลเอกประวิตรที่มีความพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่อยู่ที่การลงมติของรัฐสภา ซึ่งตนเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีการจับมือจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว จึงขอให้รอดูตรงนั้นก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะมาพูดคุยกันตอนนี้
ส่วนกระแสการซื้องูเห่าในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีส่วนตัวมองว่า ไม่มี และเป็นเรื่องที่มีไม่ได้อยู่แล้ว