ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) จับมือ บริษัท แรบบิท – ไลน์ เพย์ จํากัด (มหาชน) เปิดตัวบัตรเดบิต “บีเฟิสต์ สมาร์ท แรบบิท ไลน์ เพย์” พร้อมให้ทําธุรกรรมสบาย-ใช้จ่ายง่าย-เดินทางสะดวก รับ ส่วนลดตลอดทั้งปี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าคนรุ่นใหม่ (Young Generation) ซึ่งผูกบัตรเดบิตเข้ากับ Rabbit LINE pay เพื่อที่จะครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ในรูปแบบของกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ E-wallet
นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จํากัด (มหาชน) ระบุว่า ที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพพยายามเข้าไปมีส่วนที่จะทำให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยการนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้าไปสู่ผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น แอปพลิเคชัน Mobile Banking รวมถึงการใช้ QR Code เพื่อที่จะทำให้การใช้จ่ายเงินง่ายมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเปิดงานในวันนี้และการร่วมมือกับบริษัท LINE (ประเทศไทย) ก็จะทำให้แอปพลิเคชั่นนี้จะสามารถขยายการใช้จ่ายได้กว้างมากยิ่งขึ้น และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้หวังว่าคนรุ่นใหม่จะเข้ามาให้ความสนใจธนาคารกรุงเทพมากยิ่งขึ้น และตั้งเป้าหมายว่าโครงการนี้จะสามารถเพิ่มยอดสมัครบัตรเดบิทใหม่ 1,000,000 ใบ ในระยะเวลา 6 เดือน
ด้านนางสาวสุดฤทัย ทองสอง เจ้าหน้าที่บริหารระดับผู้อำนวยการอาวุโส สายลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า โดยธนาคารฯได้นำเอาตัวการ์ตูนสุดน่ารักยอดนิยมจาก LINE มาอยู่ในหน้าบัตรถึง 4 ลาย และหน้าสมุดก็สามารถเลือกลายได้เช่นกัน โดยบัตรเดบิตนี้สามารถที่จะนำมาผูกเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงสามารถสร้าง QR Code ภายในแอปพลิเคชันเพื่อให้ร้านค้าสแกนในการจ่ายเงินได้ ซึ่งหากลูกค้าของธนาคารกรุงเทพ สมัครบัตรเดบิตใหม่นี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 และผูกบัตรเข้ากับช่องทางการชำระเงินของ Rabbit LINE Pay ก็จะได้รับของสมนาคุณจาก LINE มูลค่า 890 บาท และคูปองที่สามารถใช้ได้จริงในแต่ละเดือน จากข้อมูลของธนาคาร เฉลี่ยคนไทยใช้บัตรเดบิทจ่ายสินค้าอยู่ที่ 5,000-6,000 บาท และเชื่อว่าจะสามารถรีแบรนด์ธนาคารกรุงเทพให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากยิ่งขึ้น
มร.จิน วูลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แรบบิท – ไลน์ เพย์ จํากัด (มหาชน) ระบุว่า ธนาคารกรุงเทพต้องการที่จะเพิ่มจำนวนยอดผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งใช้บริการรถไฟฟ้า BTS และใช้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัล เมื่อผู้ใช้ผูกบัตรเข้ากับระบบ Rabbit LINE pay ก็จะสามารถรับคูปองส่วนลดต่างๆที่ธนาคารส่งให้ ซึ่งมูลค่าสูงสุดอยู่ที่ 1,000 บาทต่อ 1 คูปองในช่วงเดือนแรกที่เปิดโครงการ ขณะที่อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญนั่นก็คือการไม่จำกัดสิทธิ์ในแต่ละเดือนในการใช้งานดังกล่าว และได้มีการผูกเข้ากับระบบ Thai Payment Network ซึ่งส่วนตัวมีความเชื่อว่าจะสามารถสร้างสังคมไร้เงินสดและลดการใช้กระดาษในการพิมพ์คูปองต่างๆได้
ตัวอย่างการใช้งาน
มร.จิน ระบุว่า หนึ่งในตัวอย่างการใช้งานที่เกิดขึ้นนั้นก็คือผู้ใช้รถไฟฟ้า BTS สามารถที่จะซื้อเที่ยวการเดินทางได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Line ได้ทันที รวมถึงคูปองที่ธนาคารส่งออกไปผู้ใช้ก็สามารถที่จะกดใช้ระหว่างซื้อเที่ยวการเดินทางได้ทันที นอกเหนือจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถที่จะเติมเงินเติมอินเทอร์เน็ตและจ่ายค่าบริการได้ผ่านทาง แอปพลิเคชัน Line ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะสามารถใช้ได้ผ่านทางแอปพลิเคชันของ LINE และ AIS ซึ่งเมื่อเข้าไปถึงขั้นตอนจ่ายค่าบริการแอปพลิเคชั่นก็จะส่งไปยังหน้าจ่ายเงินของรับผิด LINE pay และก็สามารถใช้คูปองของธนาคารในส่วนนี้ได้อีกด้วย
สำหรับอีกหนึ่งตัวอย่างการใช้งานนั้นก็คือการจ่ายเงินและซื้อของที่ร้านไอศกรีมแดรี่ควีน ก็สามารถที่จะนำคูปองของธนาคารที่ส่งให้ไปยัง แอปพลิเคชันแล้วนำไปเป็นส่วนลดใน การใช้จ่ายในแต่ละครั้งได้ ขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่เป็นสมาชิกของ Rabbit reward ก็สามารถที่จะมอบคะแนนให้กับผู้ใช้ทุกๆครั้งในการใช้จ่ายเงินจากเคมเปญนี้ได้
นางสาวสุดฤทัย กล่าวเสริมว่า ในส่วนของรถไฟฟ้า BTS ก็ยังคงจะแบ่งออกเป็น 2 กระเป๋าเช่นเดิมคือกระเป๋าเงินเดบิตและกระเป๋าเงินที่ใช้สำหรับเดินทางรถไฟฟ้าเพราะเนื่องจากรถไฟฟ้า BTS ยังคงต้องใช้กระเป๋าเงินแยกโดยเฉพาะซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการให้บริการเพิ่มเติมในการที่จะสามารถเติมเงินผ่านแอปพลิเคชัน ได้ทันที
(รถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย เช่น ช่วงอ่อนนุช-เคหะสมุทรปราการ จำเป็นที่จะต้องใช้เงิน 15 บาทในการเดินทาง ซึ่งหากผู้ใช้เดินทางจาก สถานีหมอชิต ไป สถานีเคหะสมุทรปราการ และมีเที่ยวเดินทาง ก็จะต้องเสีย 1 เที่ยว และเงินอีก 15 บาท)
สำหรับปัจจุบัน Rabbit LINE pay มีผู้ใช้บริการทั้งสิ้น 6.5 ล้านคนและมีจำนวนร้านค้าที่รับชำระผ่าน Rabbit LINE pay มากกว่า 60,000 แห่งทั่วประเทศโดยมีแผนที่จะขยายให้ถึง 100,000 ร้านค้าภายในปี 2562
