ศาลรธน.คาดใช้เวลา 7 วัน พิจารณารับ-ไม่รับ เรื่องผู้ตรวจการแผ่นดินส่งตีความเสนอชื่อนายกฯซ้ำ
วรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญถึงคดีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ขาด กรณีที่ประชุมรัฐสภา มีมติเสียงข้างมาก 395 เสียง ไม่เห็นชอบให้เสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี

โดยอ้างว่าเป็นการเสนอญัตติซ้ำ ขัดกับข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 ว่ากระบวนการพิจารณาเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น เพิ่งส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์เข้ามา เจ้าหน้าที่รับแล้ว อยู่ในกระบวนการ เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาภายใน 2 วันและเสนอตุลาการคณะเล็ก พิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ โดยคณะตุลาการคณะเล็กพิจารณาไปเลยก็ได้ หรือจะเสนอเข้าสู่คณะใหญ่ก็ได้ภายใน 7 วัน เราต้องทำตามขั้นตอน
พร้อมยอมรับว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะพูดอะไรกลัวกระสุนตก จะพิจารณาเดี่ยวก็หาว่าจะช่วยใครหรือไม่พิจารณาช้าก็หาว่าดึงเรื่อง เพราะฉะนั้นก็เดินตามกติกาของกฎหมายที่เขียนไว้คงไม่เร็วกว่านี้และไม่ช้ากว่านี้
“รังสิมันต์” ไม่เห็นด้วยงดประชุมสภาฯ ชี้ควรเปิดถกวาระแก้ รธน.ม.272 ปิดสวิตซ์ สว.ก่อน
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีประธานสภาสั่งงดการประชุมสภาในวันที่ 27 ก.ค.ว่าในพรรคก้าวไกลก็มีการถกเถียบถึงประเด็นที่เกี่ยวพันในการดำเนินงานในสภาต่อไป แบ่งเป็น 2 ข้อ ประการแรก เดิมทีได้มีการนัดประชุม ในวาระหลัก 2 วาระ คือ วาระเลือกนายกรัฐมนตรี และวาระที่พรรคยื่นแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ม.272 ปิดสวิตช์ ส.ว.ที่ให้อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี และเมื่อมีการงดการประชุม ทำให้ไม่สามารถพิจารณาวาระใดๆ ได้เลย

พรรคก้าวไกลมองว่า ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ทุกฝ่ายพูดตรงกันว่า มีความจำเป็นต้องเลือกนายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นปัญหาของประเทศที่ไม่สามารถรอได้ เนื่องจากประชาชนต้องการให้มีผู้นำที่จะมาแก้ไขปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่า มีการงดองค์ประชุม ทำให้ในการพิจารณาเรื่องโหวตนายกรัฐมนตรีล่าช้าออกไป จึงทำให้เสียดายที่จะมีโอกาสในการพูดคุย
ทั้งนี้ แม้จะมีการอ้างในเรื่องผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยข้อบังคับที่ 41 ของรัฐสภาในการเสนอญัตติ เสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีซ้ำได้หรือไม่ ซึ่งต้องเรียนตามตรงว่า ในวาระการพิจารณาของสภาไม่ได้มีแค่เรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี ทำไมถึงไม่เอาวาระที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 มาพิจารณา เพราะเราไม่จำเป็นต้องปล่อยเวลาไว้เฉยๆ สามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ และเป็นการหาทางออกให้กับวุฒิสมาชิก (สว.) ที่ต้องการปิดสวิตช์ตัวเอง เป็นการเดินหน้าออกจากปัญหาที่เป็นชนักติดหลักที่ทำให้ประเทศเดินต่อไปไม่ได้ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงงดการประชุม
และการที่รอคอยว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไรนั้น จะทำให้สุดท้ายการพิจารณาการเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่บนพื้นฐานของความไม่แน่นอน อาจจะเนิ่นช้าต่อไป
มติพรรค “ก้าวไกล” เสนอสภาทบทวนการเสนอนายกฯ ยันเสนอชื่อซ้ำได้ พร้อมดัน “พิธา” ชิงนายกฯอีกรอบ
วานนี้ (25 ก.ค.)ที่อาคารไทยซัมมิทมีการประชุม สส.พรรคก้าวไกล ได้หารือถึงแนวทางของพรรคต่อกรณีที่ประชุมรัฐสภามีมติเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566 ตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาว่า การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ภายใต้การกำกับของข้อบังคับฯ ข้อ 41 ประกอบข้อ 151

โดยเรื่องนี้มี สส. แสดงความเห็นหลายคน สรุปไปในทางเดียวกันว่ากรณีนี้สามารถใช้กลไกสภาในการหาทางออก ผ่านการยื่นญัตติให้รัฐสภาทบทวนมติที่เคยมีไปแล้ว โดย สส. พรรคก้าวไกลจะดำเนินการในการประชุมรัฐสภาครั้งถัดไป
ทั้งนี้ หากที่ประชุมรัฐสภามีมติเห็นชอบกับญัตติที่พรรคก้าวไกลเสนอ จะเป็นการปลดล็อกความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น ทำให้การเสนอนายกฯ ไม่ต้องผูกพันกับมติเดิมของที่ประชุมอีกต่อไป สามารถเสนอบุคคลที่สมควรดำรงตำแหน่งนายกฯ ซ้ำได้ ซึ่งพรรคก็จะเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯของพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
“สุดารัตน์” แถลง 5 จุดยืนไทยสร้างไทยช่วงตั้งรัฐบาล
วานนี้ (25 ก.ค.) ที่พรรคสร้างไทยวันนี้ มีการประชุมคณะผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย นำโดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ภายหลังการประชุม

พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศ 5 จุดยืนทางการเมือง ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล ดังนี้
- พรรคไทยสร้างไทยยืนยันเคารพเสียง และเจตนารมณ์ของประชาชน ที่ต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยตามข้อตกลงร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรค ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชน และสนับสนุนให้มีการเดินหน้าตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชนให้สำเร็จ เพื่อนำประเทศสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง
- พรรคไทยสร้างไทย ขอขอบคุณและชื่นชมความเสียสละของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แม้ระหว่างทางจะมีปัญหาและอุปสรรคบ้าง แต่ขอให้กำลังใจให้เดินหน้าต่อไปเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
- ขอให้แกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคร่วมได้หาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรในการหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจาก สว. และ สส. ขอให้นำมาพูดคุยกัน ด้วยความจริงใจและความเสียสละเพื่อประชาชน และถอยกันคนละก้าวเพื่อที่จะนำไปสู่ทางออกของประเทศ
- พรรคไทยสร้างไทยมีจุดยืนมั่นคงในการรักษาสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และพรรคไทยสร้างไทยขอสนับสนุนการสร้างประชาธิปไตยถาวร ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจอย่างเด็ดขาด และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เห็นว่า รากเหง้าปัญหาของประเทศเกิดจากรัฐธรรมนูญปี 2560 พรรคไทยสร้างไทยจึงได้เสนอ ให้คืนอำนาจให้กับประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามร่างที่พรรคไทยสร้างไทยได้เสนอเข้าสภาเรียบร้อยแล้ว เพื่อตัดวงจรการสืบทอดอำนาจทั้ง สว. และแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยไม่แก้ หมวด 1 และ 2 เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนสำเร็จลุล่วงได้จริง
- ยอมรับว่าขณะนี้บ้านเมืองต้องการรัฐบาล และปัญหาของประชาชนรอไม่ได้ แต่ถ้าหากสามารถตั้งรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยได้ตามที่ประชาชนคาดหวังก็จะดีที่สุด ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง โดยระหว่างนี้ให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อพิจารณาและประสานงานกับคณะรัฐบาลรักษาการและหน่วยงานราชการเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนไปพลางก่อน
“เสรีพิศุทธ์” เตือนด้อมส้ม เอาทัวร์มาลง ถ้าหมิ่นโดนฟ้องแน่
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนโดยช่วงหนึ่งกล่าวว่าพวกด้อม (พรรคก้าวไกล) จะไปฟังทำไม ไม่เห็นก้าวไกล ออกมาห้ามเลย ต้องออกมาห้ามอย่าทำๆ อย่าเอามวลชนไปกดดันคนอื่น

เอาง่ายๆ เวลาสภาจะประชุมมีมติอะไร ก้าวไกล เริ่มเลยนะให้บรรดาด้อมไปชุมนุมในแต่ละจังหวัด ในกรุงเทพฯ ให้มาชุนนุมที่สภา เมื่อมาสภามากดดัน เลยถามว่า มาทำไม เขาไม่กลัวคุณหรอก พอโหวตแพ้ก็มาชุมนุม เคลื่อนจากรัฐสภา ไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วมี ส.ส.ก้าวไกล ไปให้กำลังใจ ไปถ่ายรูป ไม่ห้ามปราม ถือเป็นการสนับสนุน ก่อนหน้านั้น บรรดาชู 3 นิ้ว ก้าวไกล สนับสนุนทั้งนั้น ไปประกันตัวให้
“พวกด้อม ที่ทัวร์ลง ที่มาถล่ม อย่ามาล้ำก้ำเกิน นี่ผมยังไม่ได้ตรวจสอบนะ ว่าใครทำผิดกฎหมายบ้าง ไอ้ด้อมที่มาโพสต์อะไรต่างๆ ที่เข้ามาด่าก็ไม่เป็นไร ถ้าหมิ่นประมาท ทำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ไหม เดียวผมตรวจสอบแล้วดำเนินคดีหมด พวกนี้ไม่เคย ถ้าเคยแล้วจะรู้สึก ส่วนที่สมาชิกพรรคก้าวไกลออกมาถล่ม ก็แค่ไอ้เด็กหนุ่มไม่มีความคิด”
หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวอีกว่า ผมคิดว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกครอบงำคณะที่อยู่เบื้องหลัง ถ้าผมเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผมเอาแล้วนะครอบงำพรรค แต่เพราะเป็นพวกเดียวกันเลยไม่ทำ ถ้าคนละพวกผมรวบรวมหลักฐานหมดแล้ว ส่วนตัวพิธา เป็นคนนิสัยดี น่ารัก แต่ไปถูกครอบงำ แค่ยกตัวอย่าง จะไปเชิญ ชาติไทยพัฒนากล้า พอถูกติงก็ไม่ทำแล้ว