มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ที่ใครๆ ก็อยากได้เงินไปใช้ ไปเที่ยว ดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบรับดีเกินคาด หลังเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิ์วันละ 1 ล้าน ปรากฎว่าวันแรก (23 ก.ย.) ครบ 1 ล้านรายในช่วงเวลา 13.47 น. ส่วนวันที่สอง (24 ก.ย.) ครบล้านตั้งแต่ 08.11 น. โดยกระทรวงการคลังยังเปิดให้ลงทะเบียนไปจนถึงวันที่ 15 พ.ย. จนครบ 10 ล้านราย
หากลองไปส่องกันดูว่า หุ้นกลุ่มไหนบ้างที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ จะพบว่าส่วนจะกระจายอยู่ในภาคท่องเที่ยว อย่างโรงแรม สนามบิน และรถเช่า และอีกกลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์เต็มๆ ก็คือกลุ่มค้าปลีกและอาหาร ซึ่งคาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทจากมาตรการนี้
“บล.ไทยพาณิชย์” ระบุว่ามาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยประเมินว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์อยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยว อย่างธุรกิจโรงแรมและให้บริการ ทั้ง CENTEL , MINT , ERW , SPA ที่จะได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากบรรยากาศการท่องเที่ยวกับมาคึกคักแล้ว โดยเฉพาะไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วง High Season
นอกจากนี้ยังมีหุ้นกลุ่มค้าปลีกทั้ง BJC , CPN , CPALL , TNP , ROBINS ที่จะได้ประโยชน์จากกำลังซื้อที่ไหลเข้ามาในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
แต่ในระยะยาวให้ติดตามมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่วอื่นๆ ของภาครัฐที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระยะยาว ซึ่งจะดีกว่ามาตรการกระตุ้นระยะสั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อปัจจัยเสี่ยงภายนอก เช่น สงครามการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าของเงินบาท
“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” ระบุว่า มาตรการดังกล่าวเป็นประโยชน์กับหุ้นค้าปลีกและอาหาร ทั้ง CPALL, BJC, HMPRO, M, ZEN, CPF, CBG, OSP, TACC จะได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มโรงแรม เนื่องจากหุ้นโรงแรมส่วนใหญ่มีสัดส่วนลูกค้าคนไทยประมาณ 10% ที่เหลือ 90% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โรงแรมที่มีสัดส่วนลูกค้าคนไทยมากที่สุดอย่าง ERW ก็มีสัดส่วนน้อยกว่า 20% ดังนั้นการฟื้นตัวของโรงแรมจะมาพร้อมนักท่องเที่ยวมากกว่า
“บล.เคทีบี (ประเทศไทย)” คาดว่า จะเห็นหุ้นกลุ่มค้าปลีกได้ประโยชน์ คงคำแนะนำ ซื้อ CPALL (ราคาเป้าหมาย 91.00 บาท) จากการเป็นผู้นำในกลุ่มค้าปลีก ซึ่งจะได้ประโยชน์เมื่อภาวะการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวมีความคึกคักขึ้น
นอกจากนี้ยังคงคำแนะนำ ROBINS (ราคาเป้าหมาย 65.00 บาท) และ ถือ BJC (ราคาเป้าหมาย 50.00 บาท) แม้การขยายสาขาของธุรกิจห้างสรรพสินค้าจะค่อนข้างระมัดระวังในปีนี้ แต่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการ “ชิม ช็อบ ใช้”และผลบวกทางจิตวิทยาในระยะสั้นนี้
ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตอาหาร มีโอกาสได้รับประโยชน์ทางอ้อม แนะนำ ซื้อ CPF (ราคาเป้าหมาย 33.00 บาท) และ ถือ GFPT (ราคาเป้าหมาย 18.20 บาท)
“บล.โกลเบล็ก” ระบุว่า หากประเมินหุ้นที่ได้อานิสงค์จากมาตรการชิมช้อปใช้ มองว่าเป็นหุ้น TNP ที่ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะป็นผู้ประกอบการค้าปลีกและส่งในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค มีสาขา 25 สาขา กระจายอยู่ที่เชียงรายและพะเยา
รองลงมาคือ ASAP ผู้ให้บริการรถยนต์ให้เช่า ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ยอดการเช่ารถเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีรถรองรับบริการ 6,700 คัน
นอกจากนี้ยังมีหุ้น SPA ที่เป็นผู้ให้บริการธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสปาตั้งแต่ระดับ 2 ดาวถึง 5 ดาว
“บล.ทิสโก้” ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ธีมการเทรดดิ้งระยะสั้น หุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากมาตรการดังกล่าวคือ BJC , CPALL , ERW , MINT
ดังนั้นหากรวบรวมจากคำแนะนำของโบรกเกอร์ทั้งหมด จะพบว่า
- “กลุ่มค้าปลีกและอาหาร” ที่แนะนำ ประกอบด้วย BJC , CBG , CPALL , CPF , HMPRO , M , OSP , ROBINS , TACC , TNP และ ZEN
- ส่วนกลุ่มโรงแรมและบริการในภาคท่องเที่ยว ประกอบด้วย ASAP , ERW , CENTEL , MINT และ SPA
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
>> ไม่ต้องรีบ!! … อยาก “ชิม ช้อป ใช้” ต้องรู้อะไรก่อนลงทะเบียน
>> “ชิมช้อปใช้” ลงทะเบียนวันแรกเกินคาด “คลัง” แค่ 10 ล้านเพียงพอแล้ว