HomeBT NewsBusiness Today Thai Politics 25 กรกฎาคม 2566 / ภาคเช้า

Business Today Thai Politics 25 กรกฎาคม 2566 / ภาคเช้า


“ชูวิทย์” โพสต์ว่าที่นายกฯอีกคน ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี 500 ล้าน

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก เตรียมเปิดข้อมูลร้อนวันนี้ ระบุคนอยาก “นายกฯ” อีกคน มีพฤติการณ์ “นิติกรรมอำพราง”

- Advertisement -


ข้อความระบุว่า “นายกฯคนใหม่” ของไทย พิธาถือหุ้นไอทีวี42,000 หุ้น เป็นสื่อที่ปิดไปแล้ว 20 ปี ยังไม่ได้ทำความเสียหายให้กับรัฐแม้แต่บาทเดียว แต่คนอยากเป็น “นายกฯ” อีกคน มีพฤติการณ์นิติกรรมอำพราง เป็นที่ประจักษ์ แทนที่จะ ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เนื่องจากเคยร่วมทำนิติกรรมอำพรางช่วยหนีภาษี ทำให้รัฐไม่ได้เงินภาษี 500 ล้านบาท อย่างนี้ จะเป็นนายกฯ ที่สง่างามหรือไม่?

นอกจากนี้นายชูวิทย์ ยังคอมเมนต์ของโพสต์ดังกล่าว โดยระบุว่า ให้โอกาสจับมือก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ให้อำนาจเก่าจัดรัฐบาลเสียงข้างน้อย อนาคตยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่


“วันนอร์” รอผลประชุม วิป 3 ฝ่าย ก่อนเคาะเลื่อนโหวตนายกฯ

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณี ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาขอให้วินิจฉัยกรณีที่ประชุมรัฐสภา ลงมติข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เป็นเกณฑ์เสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ที่ถูกตีตกซ้ำ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม เป็นการกระทบสิทธิ และขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่าให้ฝ่ายกฎหมายหารือร่วมกันในวันนี้


ก่อนจะนำข้อหารือไปหารือกับวิป 3 ฝ่าย ในวันที่ 26 กรกฎาคม เวลา 14.00 น. และต้องฟังผลการหารือของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลมาประกอบการพิจารณาด้วยว่าจะเลื่อนการโหวตนายกฯออกไปก่อนหรือไม่

อย่างไรก็ตามการประชุมในวันที่ 27 ก.ค. จะมีการบรรจุญัตติการแก้รัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการใช้มาตรา 272 ที่เป็นบทเฉพาะกาลยกเลิกให้ ส.ว.ไม่ใช้สิทธิ์โหวตนายกฯ


“ธนกร” อัด “ก้าวไกล” ถามแรง “พิธา” เป็นนายกฯได้คนเดียวหรือ?

ธนกร​ วังบุญคงชนะ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นั้นเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตย และควรทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรคที่รักใคร่ เพราะบรรยากาศแบบนี้เหมือนกับปล่อยไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด แกนนำจะตั้งรัฐบาลอันดับ 1 คือวันนี้พอเป็นนายกฯไม่ได้​ ไม่มีใครเป็นได้แล้วหรือ นอกจากคุณพิธา​ เพราะที่ผ่านมาหากอันดับ 1 ตั้งไม่ได้ ก็อันดับ 2 ตั้งไป เป็นเรื่องปกติมากทางการเมือง และที่บอกว่ารอไปสัก 10 เดือน


ส่วนตัวมองว่าเมื่อเลือกตั้งเสร็จกลไกการจัดตั้งรัฐบาล การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีก็ควรเดินหน้าไป ไม่ควร​ แม้มีอุปสรรคบ้าง เพราะมันเป็นการเมืองแบบรัฐสภา ซึ่งสามารถแก้ไขได้ ไม่ควรรอถึง 10 เดือนเพราะประเทศเสียหาย และประชาชนเฝ้ารอดูอยู่ และนักธุรกิจก็เฝ้ารอดูอยู่

ท่าทีพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังเดินทางร่วมหารือกับพรรคเพื่อไทยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าเป็นไปตามที่นายพีระพันธุ์​ สาลีรัฐวิภาค​ หัวหน้าพรรค ได้แสดงจุดยืนไปแล้ว แต่จะร่วมกันหรือไม่ ต้องมาหารือร่วมกันภายในพรรคก่อน ซึ่งจะมีการประชุม ส.ส.ในวันพุธที่ 26 เวลา 16.00 น.​ โดยหัวหน้าและเลขาธิการพรรค​ จะนำผลการหารือมาพูดคุยในที่ประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรค พร้อมกับย้ำว่าก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคเคยแสดงเจตจำนงไปแล้วว่ามีแนวคิดอย่างไร​

ทั้งนี้ยืนยันว่าส.ส.ภายในพรรคเป็นเอกภาพ​ ดังนั้น การพูดคุยเจรจาถ้ามีเงื่อนไขทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ตนก็คิดว่า ส.ส.ของพรรคไม่มีปัญหา


“ชัยธวัช” ให้เพื่อไทยตัดสินใจ เปิดดีลรัฐบาลข้ามขั้ว

ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคก้าวไกล ตอบคำถามกรณีมีสัญญาณจาก พรรคเพื่อไทย มาบ้างแล้วหรือไม่ หลังจากที่มีการพูดคุยกับหลายพรรคการเมืองในขั้วรัฐบาลปัจจุบันว่า พรรคก้าวไกลยังไม่ได้รับสัญญาณจากพรรคเพื่อไทย แต่มีประชุม 8 พรรคร่วมในวันนี้ (25 ก.ค.) ต้องรอฟังจากพรรคเพื่อไทยเอง


ส่วนการที่หลายพรรคออกมาพูดว่าจะไม่ร่วมกับพรรค ก.ก.ที่มีการแก้ไขมาตรา 112 นายชัยธวัชกล่าวว่า คิดว่าชัดเจนอย่างที่เคยยืนยันมาหลายครั้งว่าการยกเรื่องมาตรา 112 มาเป็นแค่ข้ออ้าง หลายพรรคการเมืองพูดออกมาชัดเจนว่าอย่างไรก็จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลเพราะมีอุดมการณ์และแนวทางการทำงานการเมืองที่แตกต่างกัน พรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดตั้งรัฐบาล อยู่ที่การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยแต่อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ ส.ว.ที่พรรคเพื่อไทยไปคุยมีข้อเสนอแนะเรื่องนี้ ก็จะรอฟังว่ารูปธรรมและรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ซึ่งต้องฟังข้อเสนอก่อน ส่วนจะมีการถอยในมาตรา 112 หรือไม่ อยู่ที่ข้อเสนอของฝ่ายต่างๆที่ไปคุยกัน


115 คณาจารย์นิติศาสตร์ ค้านห้ามเสนอชื่อ “พิธา” โหวตนายกฯซ้ำ

ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยทางเฟซบุ๊กถึงกรณีมีแถลงการณ์จาก 115 คณาจารย์นิติศาสตร์ 19 สถาบัน เรื่อง ไม่เห็นด้วยกับมติของรัฐสภาที่ให้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ


จากการลงมติของรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมาในการตีความข้อบังคับการประชุมรัฐสภาให้ “การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี”ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 159 เป็น “ญัตติ” ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ซึ่งกำหนดว่า “ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน” การเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งที่สองจึงทำไม่ได้นั้น

คณาจารย์นิติศาสตร์115 คนเห็นว่ามตินี้มีความไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมายหลายประการ เช่นปัญหา ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่เป็นปัญหาเรื่องรัฐสภาการตีความข้อบังคับของตนเองโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ แม้รัฐสภาจะสามารถตีความข้อบังคับของตนเองได้ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 151 แต่ต้องเป็นการตีความข้อบังคับโดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะข้อบังคับการประชุมรัฐสภาอยู่ในลำดับชั้นกฎหมายที่ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ และแท้ที่จริงแล้วมติของรัฐสภาที่ตีความว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 และมาตรา 272 อยู่ในบังคับของข้อบังคับการประชุมรัฐสภาข้อ 41 นั้นเป็นการ “ตีความรัฐธรรมนูญ” ว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 159 และมาตรา 272 อยู่ใต้ข้อบังคับของรัฐสภา ซึ่งรัฐสภาหาได้มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นไม่

ผลของการลงมตินี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ พรรคก้าวไกล แต่คือบรรทัดฐานที่ผิดพลาดของรัฐสภาในการพิจารณาญัตติที่เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญที่จากนี้ไปจะเสนอได้ครั้งเดียวทั้งหมด โดยไม่สนใจเรื่องลำดับชั้นของกฎหมาย และที่สำคัญที่สุดคือบรรทัดฐานที่เสียงข้างมากของรัฐสภาสามารถตีความข้อบังคับการประชุมของตนเองให้ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดได้

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News