เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีผู้ซื้อรถยนต์เชฟโรเลต รุ่น ออลนิว แคปติวา นำโดย นายณัฐพล ขันธ์แก้ว เป็นตัวแทนผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการลดราคารถยนต์รุ่นดังกล่าว กว่า 100 ราย เข้ายื่นข้อเสนอเรียกร้องต่อ เชฟโรเลต
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหาย ได้ซื้อรถยนต์รุ่นดังกล่าวในราคาปกติมาตั้งแต่ช่วงการเปิดตัวใหม่ในช่วงเดือน กันยายน 2562 กระทั่งเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 บริษัทดังกล่าวได้ประกาศยุติการจำหน่าย เลิกกิจการ, และเลิกการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย และบริษัทได้นำรถยนต์ เชฟโรเลต รุ่น ออลนิว แคปติวา ออกมาจำหน่ายในราคาลดลง 50% ของราคาจำหน่ายก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก และได้รับความเสียหายต่อการต่อประกันภัยรถยนต์ในปีถัดไป, มูลค่ารถยนต์ลดลงเป็นอย่างมากส่งผลกระทบต่อการผ่อนชำระ, ค่าเสื่อมสภาพ
กลุ่มผู้เสียหายได้มีข้อเสนอได้มีการเรียกร้องการชดเชยส่วนต่างราคามูลค่ากว่า 500,000 บาท หรือขอยกเลิกสัญญาการซื้อรถยนต์เชฟโรเลต รุ่นดังกล่าว โดยการกระทำดังกล่าวของบริษัท ถือเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งความยุติธรรมต่อผู้บริโภค
“เรารู้สึกว่าทำไมเราต้องมาเป็นหนี้ส่วนต่างจากการลดราคาดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่ความผิดของผู้บริโภคอย่างเรา อีกทั้งความเชื่อถือด้านบริการหลังการขายที่ ไม่แน่ใจว่าจะได้รับหรือไม่จากการยุติการจำหน่ายและเลิกกิจการในประเทศไทย”
ขณะที่ กลุ่มผู้เสียหายยืนยันว่าเป็นผู้คนที่รักในแบรนด์ เชฟโรเลต ซึ่งมีรอยัลตี้สูง เชฟโรเลต เทลูกค้า อย่างน้อยกว่า 530 ราย ไม่นับรวมยอดขายเดือน มกราคม ซึ่งเชื่อว่ายังมีอีกหลายรายจากนี้ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ติดต่อกันและมายื่นข้อเรียกร้องต่อ เชฟโรเลต ในวันนี้
มีข้อสอบถามไปยัง เชฟโรเลต
1. เรื่องการรับประกันเป็นลายลักษณ์อักษร 3 ปี 100,000 กม. ตามที่ได้ประกาศขายหลังลดราคา 50%
2. ผู้ที่ซื้อรถยนต์ก่อนหน้านี้ที่ซื้อรถยนต์ราคาเต็ม มีแนวทางการเยียวยาช่วยเหลืออย่างไร
กลุ่มผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตุว่า การขายกิจการไม่ได้เกิดขึ้นภายใน 1-2 วัน ต้องมีการเจรจาก่อนหน้า แต่ไม่มีการแจ้งให้กับลูกค้าเลย ถือเป็นการปกปิดหรือไม่ รวมถึงความชัดเจนในการต่อประกันภัยและเบี้ยประกันภัยยังไม่มีความชัดเจนให้กับลูกค้า