ธนาคารกสิกรไทยประเมินสงครามการค้าลากยาวอย่างน้อยปลายปี 63 ทำเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีนชะลอตัวปีหน้า กระทบเศรษฐกิจไทย ลุ้นรัฐบาลลงทุนโครงสร้างพื้นฐานช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปี 63
นางสาวพีรพรรณ สุวรรณรัตน์ ผู้ชำนาญการสายงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนาจับตาเศรษฐกิจไตรมาส 4 ว่า ความขัดแย้งสงครามการค้ายังมีความเสี่ยงที่จะยืดเยื้อต่อไปในระยะยาว เนื่องจากภาษีที่สหรัฐฯ และจีนเก็บใส่กันยังไม่ถูกยกเลิก แม้ว่าสัญญาณสงครามการค้าในช่วงนี้จะเริ่มดูดีขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ซึ่งยังอาจเกิดความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยในอนาคตอันใกล้ได้
ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ยังคงกังวลกับปัจจัยสงครามการค้าอยู่ไม่น้อย โดยเริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงินมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย ส่วนปัญหาเบรกซิทเริ่มเข้มข้นขึ้นโดยมีแนวโน้มยืดระยะเวลาการออกจากยุโรปของสหราชอาณาจักรไปอีกรอบ ซึ่งอาจเห็นในช่วงเดือน ม.ค.63
ทำให้ปัจจัยที่น่าจับตามองในระยะต่อไปคือการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 63 ซึ่งภายในเดือน ก.ค.63 อาจเห็นความเข้มข้นขึ้น โดยปี 63 ยังมีปัจจัย 2 ด้าน ที่จะทำให้สงครามการค้ายังคงยืดเยื้อต่อไปดังนี้
1.สหรัฐฯมอว่างจีนเป็นคู่แข่งแย่งความเป็นมหาอำนาจโลก ขณะที่จีนพยายามเปลี่ยนตัวเองให้มีการผลิตสินค้าที่ทันสมัยมากขึ้นซึ่งกระทบต่อสหรัฐฯ โดยปัญหาดังกล่าวจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงการค้าได้ยาก และจะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อต่อไปถึงช่วงปลายปี 63 เป็นอย่างน้อย
2.ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามโจมตีจีนว่าทำให้การจ้างงานในสหรัฐฯลดลง และเมื่อมีการใช้นโยบายภาษีเล่นงานจีน ก็เป็นการยากที่ความขัดแย้งจะหยุดลง ยิ่งทำให้ความขัดแย้งยังยืดเยื้อ แต่อาจไม่มีการเล่นงานกันหนักมากขึ้นเนื่องจากจะได้รับผลเสียด้วยกันทั้งคู่
ทั้งนี้ กสิกรคาดความเสี่ยงสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 18 เดือนถัดจากนี้ที่ 34% แต่เชื่อว่ายังไม่เกิดวิกฤติขึ้นในปี 63 ด้านเศรษฐกิจจีนก็มีความเสี่ยงชะลอตัวลงเช่นกันแม้จะอยู่ในช่วงพีคก็ตาม โดยรวมถือว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแต่เชื่อมั่นยังไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบสงครามการค้าอย่างหนัก GDP ไตรมาส 3 เติบโตเพียงแต่ 6% ต่ำสุดในประวัติการ การบริโภคภาคเอกชนชะลอลง การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงจากความกังวลในการลงทุนโดยยังมีความขัดแย้งสงครามการค้า ซึ่งจีนมีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น ๆ บ้าง ทำให้การลงทุนในจีนชะลอลง ขณะที่ภาคการส่งออกของจีนแม้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะการนำเข้าที่หดตัวลงมากกว่าการส่งออก ซึ่งเป็นปัญหาไส้ในที่น่าเป็นห่วง
คาดการณ์เศรษฐกิจปี 63 สหรัฐฯขยายตัว 1.7% ส่วนจีนขยายตัว 5.9%
ด้านเศรษฐกิจไทย การส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.62 – ก.ย.62 ทำให้การส่งออกโดยรวมขณะนี้กลับมาหดตัวอยู่ที่ 2.1% ซึ่งมีเพียงทองคำเท่านั้นที่ยังขยายตัวในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาในอัตรา 107% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า 3 รอบเท่านั้น โดยถ้ามีการเก็บภาษีระหว่างสหรัฐฯกับจีนอีกครั้งจะกระทบส่งออกไทยมากขึ้นอีก ซึ่งสินค้าที่อยู่ในความเสี่ยงคือฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และแผงวงจรไฟฟ้า เนื่องจากอยู่ห่วงโซ่สินค้าจีน ซึ่งอาจส่งออกไปจีนได้น้อยลง นอกจากนี้ยังมีสินค้าเสื้อผ้าและของเล่น โดยมีความเสี่ยงจากจีนที่อาจจะไม่สามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯได้ และเปลี่ยนตลาดมายังอาเซียนแทน ทำให้ไทยไม่สามารถส่งสินค้าประเภทดังกล่าวไปสู้กับจีนในภูมิภาคอาเซียนได้ เนื่องจากค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่า
อย่างไรก็ตาม กสิกร ยังคงประมาณการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 2.8% และส่งออก -1% แต่ปีหน้าอาจเห็นการขยายตัวเศรษฐกิจมากขึ้นกว่าปี 62 จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนเกิดความเชื่อมั่นและลงทุนตาม โดยจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง : กสิกรไทยประเมินเงินบาทแข็งถึงปีหน้าเชื่อแตะระดับ 29.25 บาท/ดอลลาร์