ครม. เห็นชอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 อยู่ที่ร้อยละ 42.76 ของ GDP อยู่ภายในกรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐพ.ศ.2561 ไม่เกินร้อยละ 60
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าแผนบริหารจัดการหนี้สาธารณะ ครม. มีความเห็นชอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 ในภาพรวมเน้นการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังแผนการบริการหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 ประกอบด้วย 3 หมวดหลัก คือ

1). แผนการก่อหนี้ใหม่วงเงิน 8.9 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการก่อหนี้ใหม่ของรัฐบาล 7.4 แสนล้านบาทเป็นการกู้มาเพื่อ
1.บริหารสภาพคล่องของเงินคงคลังวงเงิน 9 หมื่นล้านบาท ใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องเงินคงคลังให้เพียงพอ รองรับกับการเบิกจ่ายชั่วคราว รวมถึงรองรับเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาลในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ปีงบประมาณพ.ศ.2563 และเป็นการออกตั๋วเงินคงคลังระยะสั้นไม่เกิน 120 วัน
2.กู้มาใช้โดยตรงวงเงิน 5.7 แสนล้านบาท แบ่งเป็นจากแหล่งเงินกู้ในประเทศ เป็นการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลของงบประมาณ และเป็นการกู้นอกประเทศเพื่อใช้ในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ, โครงสร้างพื้นฐาน และโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรม เทคโนโลยี และนวัตกรรม สนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค
3.รัฐบาลกู้มาให้กู้ต่อ เป็นการใช้จากแหล่งเงินกู้ในประเทศเพื่อสนับสนุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวงเงิน 8.5 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการต่อเนื่องของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 5 โครงการวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท โครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย 9 โครงการวงเงิน 6.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องและโครงการใหม่ และการก่อหนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจมาจากรัฐวิสาหกิจ 13 แห่งวงเงินรวม 1.4 แสนล้านบาท
2). แผนการบริหารหนี้เดิมวงเงิน 8.3 แสนล้านบาท ประกอบด้วยหนี้เดิมของรัฐบาล 6 แสนล้านบาท และหนี้เดิมของรัฐวิสาหกิจวงเงิน 2.3 แสนล้านบาท
3). แผนการชำระหนี้วงเงิน 3.9 แสนล้านบาท
ทั้งนี้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563 อยู่ภายในกรอบพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐพ.ศ.2561 ที่กำหนดว่าสัดส่วนสาธารณะต่อ GDP ต้องไม่เกินร้อยละ 60 ซึ่งแผนการบริหารหนี้ในปีพ.ศ.2563 อยู่ที่ร้อยละ 42.76 ส่วนสัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาลต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณต้องไม่เกินร้อยละ 35 ซึ่งปี 2563 อยู่ที่ร้อยละ 18.48
ส่วนสถานะของหนี้สาธารณะสิ้นเดือนกรกฎาคม 2562 เป็นจำนวน 6.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 41.45 ของ GDP ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบในการบริหารหนี้สาธารณะตามวินัยการเงินการคลังปีพ.ศ.2561