มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ที่เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันแรก (23 ก.ย.) ผ่าน www.ชิมช้อปใช้.com โดยให้สิทธิวันละ 1 ล้านราย ปรากฎว่าในแรกมีคนลงทะเบียนครบ 1 ล้านรายภายในเวลา 13.45น. โดยประชาชนหลังสามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่องในวันถัดไป ตั้งแต่เวลา 00.00 น. โดยเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิถึง 15 พ.ย. นี้ โดยจำกัดทั้งหมด 10 ล้านราย
“คลัง” ไม่เพิ่มสิทธิ์ 10 ล้านรายพอแล้ว
ด้าน “นายอุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีผู้มาลงทะเบียนวันละ 1 ล้านราย จากเป้าหมายของโครงการ 10 ล้านราย โดยกระทรวงการคลังยืนยันว่าจะไม่มีการขยายจำนวนผู้เข้าร่วมมาตรการต่อวัน เพราะมองว่าจำนวน 1 ล้านรายต่อวันเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว
“เมื่อคืนเที่ยงคืน ที่เปิดให้ลงทะเบียนเป็นวันแรก ระบบก็มีการติดขัดอยู่บ้าง เนื่องจากมีคนเข้ามาลงทะเบียนพร้อมกันจำนวนมาก แต่ว่าธนาคารกรุงไทยได้แก้ปัญหาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ยอมรับว่าประชาชนให้ความสนใจโครงการนี้เกินคาด”
นายอุตตม ระบุว่า ได้มอบแนวทางให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปพิจารณาขยายวันในการรับสมัครร้านค้าเพื่อเข้าร่วมโครงการ จากปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมมาตรการแล้วทั้งสิ้น 1.5 แสนราย โดยคาดว่าจะขยายเวลาให้ร้านค้ามาร่วมลงทะเบียนถึงวันที่ 15 ต.ค.นี้ จากเดิมสิ้นสุดระยะเวลาไปเมื่อ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา
“กรุงไทย” ยันเวป “ชิมช้อปใช้” ไม่มีปัญหาล่ม
“นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารกรุงไทย (KTB) กล่าวว่า ระบบการรับลงทะเบียนมาตรการชิมช็อปใช้ไม่มีปัญหาล่ม เพราะยังมีประชาชนสนใจเข้ามาลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง โดยสูงสุดอยู่ที่ 5 หมื่นรายต่อวินาที
“มั่นใจว่า การลงทะเบียนจนครบระยะเวลา จะไม่มีปัญหา ระบบจะสามารถรองรับได้”
“สรรพากร” ยันไม่ใช่ข้อมูลลงทะเบียน ตรวจสอบภาษี
นายเอกนิติ ระบุว่า กรมสรรพากรยืนยันว่าผู้ที่มาลงทะเบียนร่วมโครงการ ทั้งในส่วนร้านค้าและประชาชนจะไม่ถูกตรวจสอบภาษี เพราะกรมฯ ไม่ได้นำข้อมูลการลงทะเบียนมาใช้ในการตรวจสอบภาษีแต่อย่างใด เนื่องจากข้อมูลทั้งหมด กรมฯ มีอยู่แล้ว ขอให้ประชาชนอย่างกังวล เพราะประชาชนทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า มาตรการชิมช็อปใช้ จะเข้ามาช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ หลังจากที่ภาวะของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเกิดการชะลอตัว ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก และกระทบมาถึงการส่งออกสินค้าและบริการของไทยให้ชะลอลงตาม ส่งผลให้ฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมาตรการชิมช็อปใช้นี้ นอกเหนือจากรัฐบาลจะให้เงิน 1,000 บาทแล้ว แต่ยังมีการให้เงินคืนอีก 15% ทำให้ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งทำให้การบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
เริ่ม “เที่ยว-ใช้ตังค์” 27 ก.ย. นี้
“นายลวรณ แสงสนิท” ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อมีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ครบ 1 ล้านคนในแต่ละวัน ระบบจะปิดรับทันที โดยไม่มีการให้เข้าชื่อรอ (waitlist) ดังนั้นผู้ที่ประสงค์รับสิทธิ์ตามมาตรการ จะต้องกลับเข้ามาลงทะเบียนใหม่ในวันถัดไป
โดยเน้นย้ำว่า ขอให้ประชาชนตรวจสอบและวางแผนการเดินทางให้ดี เนื่องจากเมื่อลงทะเบียนและได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์ภายใน 3 วันทำการแล้ว จะต้องเริ่มใช้สิทธิ์ภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ได้รับ SMS
ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิ์สามารถเริ่มใช้สิทธิ์หลังได้รับ SMS 1 วัน สำหรับ “G-Wallet กระเป๋า 1” ใช้ได้กับร้านขายสินค้าและบริการที่เข้าร่วมโครงการทุกประเภท ในจังหวัดที่ได้เลือกไว้เมื่อลงทะเบียน และสำหรับ “G-Wallet กระเป๋า 2” ใช้ได้กับร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ร้านขายสินค้าท้องถิ่น บริการที่พัก และบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้าน โดยมีเงื่อนไขแบ่งเป็น 3 กรณี ได้แก่
- หากเริ่มใช้สิทธิ์ G-Wallet กระเป๋าที่ 1 จะสามารถใช้วงเงิน 1,000 บาท พร้อมสิทธิ์ G-Wallet กระเป๋า 2 ได้จนถึงวันที่ 30 พ.ย.62
- หากเริ่มใช้สิทธิ์เฉพาะ G-Wallet กระเป๋า 2 จะสามารถใช้สิทธิ์ G-Wallet กระเป๋า 2 ได้จนถึงวันที่ 30 พ.ย.62 แต่จะถูกตัดสิทธิ์ G-Wallet กระเป๋า 1 ไม่สามารถใช้วงเงิน 1,000 บาทได้
- หากไม่เริ่มใช้สิทธิ์ทั้ง 2 กระเป๋า จะถูกตัดสิทธิ์ทั้งหมด และไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการนี้ได้อีก
โฆษกกระทรวงการคลัง ยังให้ความมั่นใจว่า โควตาจำนวนผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการซึ่งกำหนดไว้ที่ 10 ล้านคน ตลอดโครงการถือว่าจะเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน โดยประชาชนสามารถทยอยลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 และสามารถเดินทางท่องเที่ยวพร้อมจับจ่ายใช้สอยได้ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.62 ถึงวันที่ 30 พ.ย.62
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >> ไม่ต้องรีบ!! … อยาก “ชิม ช้อป ใช้” ต้องรู้อะไรก่อนลงทะเบียน