รัฐบาลฟันธงจีดีพีปีนี้มีสิทธิ์แตะ 3.7% Q4 ขยายตัวน้อยแต่ยังดีกว่าคู่ค้าสำคัญ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2565 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 1.4 ซึ่งยังสูงกว่าประเทศคู่ค้าสำคัญ อาทิ สหรัฐ ฯ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ที่มีการขยายในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ ร้อยละ 1.0, 0.6 และ -0.9 ตามลำดับ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยเป็นผลมาจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นฟู ลงทุนจากภาคเอกชนและภาครัฐ รวมทั้งการอุปโภค บริโภคภาคเอกชนและภาคเกษตรที่ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.7 – 3.7

สำหรับปี 2566 นี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการบริหารประเทศในประเด็นเศรษฐกิจมหภาค โดยเฉพาะการดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจขนาดกลางขนาดย่อม การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้ของเกษตรกร การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทุกด้าน
พัทยาขึ้นอันดับ 1 เมืองฮิตสำหรับทริปครอบครัวคนไทย
อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลกสำหรับการเดินทางท่องเที่ยว เผยปีนี้พัทยาครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางในประเทศยอดฮิตที่คนไทยเลือกไปกับครอบครัว ตามมาด้วยหัวหิน / ชะอำ ในอันดับ 2 และภูเก็ตในอันดับ 3 โดยอ้างอิงข้อมูลการค้นหาที่พักของคนไทยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากข้อมูลเชิงลึกของอโกด้า

ครอบครัวไทยส่วนใหญ่ต้องการไปพักผ่อนและใช้เวลาอย่างมีคุณภาพด้วยกันที่เมืองตากอากาศริมทะเล โดยลิสต์จุดหมายปลายทางภายในประเทศที่นักท่องเที่ยวประเภทครอบครัวค้นหามากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย พัทยา, หัวหิน / ชะอำ, ภูเก็ต, กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ชลบุรี, เขาใหญ่, กระบี่, ระยอง และเกาะเสม็ด ตามลำดับ
นอกจากนี้ผลการสำรวจเทรนด์การท่องเที่ยวกับครอบครัวของอโกด้า ซึ่งรวบรวมคำตอบของนักท่องเที่ยวกว่า 14,000 คน จาก 12 ประเทศทั่วโลก ยังแสดงให้เห็นว่า 3 สิ่งแรกที่คนไทยเลือกทำเมื่อออกเดินทางท่องเที่ยวกับครอบครัวคือ เยี่ยมชมแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัด ดื่มดำกับบรรยากาศที่ชายหาด และสนุกสนานไปกับเครื่องเล่นในสวนสนุกหรือสวนน้ำ
DUSIT ผุดโรงแรมแบรนด์ “ดุสิตธานี” ครั้งแรกในญี่ปุ่น
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ. ดุสิตธานี เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีเปิดตัวโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ คือ โรงแรม “อาศัย เกียวโต ชิโจ” และ “ดุสิตธานี เกียวโต” ที่จะเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย.และ ก.ย.ปีนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำแบรนด์ “ดุสิตธานี” มาสู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก หลังจากเดินหน้าขยายการให้บริการเช่าวิลล่าหรูในหมู่บ้านนิเซโกะและฮิราฟุของฮอกไกโด ภายใต้แบรนด์อีลิธ เฮเวนส์มาแล้ว

การเปิดตัวโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตที่ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ถือเป็นการปักหมุดหมายสำคัญเพื่อส่งมอบประสบการณ์การบริการที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจ 4 ประการ ได้แก่ การบริการ ที่มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของผู้เข้าพักอย่างสง่างาม, การกินดีอยู่ดี เพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพที่เหนือระดับ, การเชื่อมโยงกับท้องถิ่น เพื่อให้ลูกค้าของดุสิตธานีได้สัมผัสและเข้าถึงชุมชนท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศ และ ความยั่งยืน ทั้งมิติทางสังคม และสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในเครือดุสิตธานี ครอบคลุม 16 ประเทศ ยังมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตมากกว่า 60 แห่งทั่วโลกที่อยู่ในแผนการก่อสร้างและดำเนินการ
นักวิจัยชี้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้จำกัดโฆษณาและช่วงเวลาจำหน่ายแอลกอฮอล์
ผศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาการสุขภาพ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นักวิจัยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวในงานประชุมเสวนาระดมความเห็นเรื่อง “มองหลากมุม 15 ปี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง” เนื่องในโอกาสครบรอบ 15 ปี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ว่า หลัง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บังคับใช้ พบว่าสัดส่วนผู้บริโภคแอลกอฮอล์ในปี 2550 อยู่ที่ 30.0% ส่วนปี 2564 อยู่ที่ 28.0% ลดลง 2% แสดงให้เห็นว่าการมีกฎหมายฉบับนี้ ส่งผลให้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลดลง และยังช่วยลดผลกระทบจากปัญหาการเมาแล้วขับด้วย

ทั้งนี้ในการสำรวจความเห็นของประชาชน ต่อมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายใต้ พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยและสนับสนุนให้จำกัดสถานที่จำหน่ายถึง 94.5% จำกัดช่วงเวลาจำหน่าย 93.1% และจำกัดการโฆษณา 91% มีเพียง 5.5% ที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการจำกัดสถานที่จำหน่าย อีก 6.9% ไม่เห็นด้วยกับการจำกัดเวลาจำหน่าย และ 9% ไม่เห็นด้วยกับการจำกัดการโฆษณา อย่างไรก็ตาม ควรจะมีการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะปัจจุบันมีการเติบโตของโซเชียลมีเดีย และการเกิดขึ้นของทุนขนาดเล็ก ซึ่งควรให้โอกาสได้เติบโต แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการในการควบคุมทุนแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ให้มากขึ้น
ปตท.เดินหน้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. เตรียมพร้อมจัดงาน PTT Group Tech & Innovation Day ภายใต้แนวคิด “Beyond Tomorrow: นวัตกรรม นำอนาคต” เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2566 ณ ปตท. สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เนื่องจากปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีไปอย่างมาก ปตท.

จึงมีการปรับตัวเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ต่อยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่านความร่วมมือทั้งจากในกลุ่ม ปตท. และจากเครือข่ายพันธมิตรชั้นนำภายนอก จนเกิดเป็นกลุ่มงานนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ 7 ด้าน ประกอบด้วย Future Energy, Future Mobility, Life Science, AI, Robotics & Digitalization, Logistics & Infrastructure, Decarbonization และ Innovation Ecosystem ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของกลุ่ม ปตท. พร้อมรับทุกกระแสการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น นอกจากจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงให้กับประเทศไทยแล้ว ยังช่วยสนับสนุนให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2040 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ